แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 22
1
อสังหา / วีโว่ vivo Y36 5G (2023) (8GB/256GB)
« เมื่อ: 27 สิงหาคม 2024, 13:57:57 pm »
วีโว่ vivo Y36 5G (2023) (8GB/256GB)
8,999 บาท 

วีโว่ vivo Y36 5G (2023) (8GB/256GB)
ขยาย RAM เพิ่มได้ถึง 8GB ทำให้การสลับไปมาระหว่างแอปราบรื่น
ความจุขนาดใหญ่ 256GB
แบตเตอรี่ 5000mAh พร้อมกับ FlashCharge ใช้งานได้นานขึ้น
MediaTek Dimensity 6020 อันทรงพลังของเราช่วยให้การทำงานราบรื่น

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น            วีโว่ vivo Y36 5G (2023) (8GB/256GB)
   ราคากลาง         8,999 บาท
   จำนวนซิม        2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์        จอสัมผัส
   สี                  Black(Mystic Black), Green(Crystal Green)

   ความถี่-เครือข่าย
2G(B2/3/5/8)
3G(B1/2/4/5/8)
4G(B1/2/3/4/5/7/8/20/28)
5G(n1/3/5/7/8/28/38/40/41/77/78)

   ขนาด-น้ำหนัก                   ยาว 164.06 x กว้าง 76.17 x หนา 7.98 มม., น้ำหนัก 190 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)  256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด      Micro SD
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ        ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ              จอสัมผัส (LCD)
   ความละเอียด       6.64 นิ้ว, 2,388 x 1,080 px
  รายละเอียดอื่น

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (16 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                           Auto Focus, Flash

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)          Dimensity 6020
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)  Mali-G57 MC2
   หน่วยความจำ (RAM)             8.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก             USB(Type-C), Bluetooth(5.0), Wi-Fi(2.4 GHz/5 GHz)
   ระบบรับส่งข้อความ                 -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต           3G, WiFi, 4G, 5G

2
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: พิษเห็ด (Mushroom poisoning)

เห็ดพิษ มีหลากหลายชนิด และในเห็ดพิษชนิดเดียวกันก็อาจมีพิษอยู่หลายชนิดต่าง ๆ กันไป ภาวะพิษจากเห็ด (พิษเห็ด) จึงมีอาการได้หลายลักษณะ ส่วนใหญ่จะเกิดอาการแบบอาหารเป็นพิษทั่วไป คือ ปวดท้อง อาเจียน และท้องเดิน แต่เห็ดพิษบางชนิดมีพิษต่ออวัยวะสำคัญ อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ เช่น

    พิษต่อตับ ที่สำคัญได้แก่ เห็ดตระกูลอะมานิตา (Amanita) มีสารพิษร้ายแรงต่อตับชื่อ อะมาท็อกซิน (amatoxins) ทำให้ตับวาย ไตวาย ในบ้านเราได้แก่ เห็ดระโงกหิน* (มีชื่ออื่น เช่น เห็ดไข่ห่านตีนตัน เห็ดระโงก เห็ดระงาก เห็ดสะงาก เห็ดไข่ตายซาก เป็นต้น) มีลักษณะเป็นเห็ดขนาดใหญ่ รูปทรงสะดุดตา ขึ้นอยู่ทั่วไปตามเรือกสวนไร่นาและป่าเขา เป็นสาเหตุการป่วยและการตายที่สำคัญของชาวบ้าน โดยเฉพาะทางภาคเหนือและอีสานที่นิยมกินเห็ดป่า ซึ่งมักจะปรากฏเป็นข่าวทุกปี
    พิษต่อประสาทส่วนกลาง เช่น เห็ดตระกูลไจโรมิทรา (Gyromitra) มีพิษไจโรมิทริน (gyromitrin) หรือเรียกว่า โมโนเมทิลไฮดราซีน (monomethylhydrazine) นอกจากมีผลต่อสมองแล้ว ยังทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก และภาวะเมตเฮโมโกลบินในเลือด (methemoglobinemia) ตับวาย ไตวายได้

นอกจากนี้ยังมีเห็ดตระกูลซิโลไซบ์ (Psilocybe) ซึ่งมีพิษซิโลไซบิน (psilocybin) และซิโลซิน (psilocin) ซึ่งมีโครงสร้างทางเคมีคล้ายซีโรโทนิน มีฤทธิ์คล้ายสารเสพติดแอลเอสดี (LSD) ทำให้เคลิบเคลิ้ม ประสาทหลอน และทำลายระบบประสาทอย่างรุนแรง ในบ้านเรา ได้แก่ เห็ดขี้ควาย** (ตำราแพทย์โบราณเรียก เห็ดโอสถรวมจิต) ซึ่งขึ้นอยู่ตามกองมูลวัวมูลควายแห้ง พบได้ทั่วไปในทุกภาค

    พิษต่อประสาทอัตโนมัติ เช่น เห็ดตระกูลอิโนไซบ์ (Inocybe) และคลิโทไซบ์ (Clitocybe) มีพิษมัสคารีน (muscarine) ออกฤทธิ์โคลิเนอร์จิก (กระตุ้นประสาทพาราซิมพาเทติก) อาการคล้ายพิษยาฆ่าแมลงประเภทออร์แกโนฟอสเฟต แต่รุนแรงน้อยกว่า พิษชนิดนี้ถูกทำลายด้วยความร้อน

นอกจากนี้ยังมีเห็ดพันธุ์ Amanita muscaria ซึ่งมีพิษมัสซิมอล (muscimol) และกรดไอโบเทนิก (ibotenic acid) ออกฤทธิ์แอนติโคลิเนอร์จิกคล้ายอะโทรพีน และมีฤทธิ์ทำให้มีอาการประสาทหลอนร่วมด้วย

    พิษต่อไต เช่น เห็ดตระกูลคอร์ตินาเรียส (Cortinarius) มีพิษออเรลลานีน (orellanine) และออเรลลีน (orelline) ทำให้เกิดภาวะไตวายภายหลังกินเห็ด 1-3 สัปดาห์ พิษชนิดนี้ถูกทำลายด้วยความร้อน
    พิษร่วมกับแอลกอฮอล์คล้ายไดซัลฟิเเรม (disulfiram)*** เช่น เห็ดตระกูลโคพรินัส (Coprinus) มีพิษโคพรีน (coprine) ซึ่งมีความทนต่อความร้อน จะเกิดพิษเฉพาะเมื่อกินเห็ดร่วมกับแอลกอฮอล์

พิษเห็ดบางชนิดมีความทนต่อความร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็ดระโงกหินที่มีพิษร้ายแรง ถึงแม้ปรุงให้สุกพิษก็ไม่ถูกทำลาย บางชนิดทำให้สุกอาจลดพิษลงหรือทำลายพิษได้ เช่น พิษมัสคารีน พิษไจโรมิทริน

อาการของพิษเห็ดขึ้นกับชนิดและปริมาณพิษที่ได้รับ

*ประกอบด้วยเห็ด 2 ชนิด ได้แก่ Amanita verna และ Amanita virosa

**มีชื่อวิทยาศาสตร์ - Psilocybe cubensis Sing. และชื่อสามัญ - Magic mushroom

***ไดซัลฟิแรมกินร่วมกับแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดอาการหน้าแดง ตัวแดง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก เหงื่อแตก ใช้เป็นยาบำบัดผู้ที่ติดแอลกอฮอล์ โดยกระตุ้นให้เกิดความเข็ดขยาดจนเลิกดื่ม ถ้าใช้ขนาดมากเกินอาจเกิดพิษได้

อาการ

1. พิษชนิดอ่อน (ที่ไม่มีพิษต่ออวัยวะสำคัญ) ทำให้เกิดอาการแบบอาหารเป็นพิษทั่วไป คือ ปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน มักเกิดหลังกินเห็ด 30 นาที ถึง 2 ชั่วโมง (อาจเกิดระหว่าง 5 นาที ถึง 36 ชั่วโมงหลังกินเห็ดก็ได้) ถ้ารุนแรงทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ มักจะหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง

2. พิษต่อตับ (เห็ดระโงกหิน) มักเกิดอาการหลังกินเห็ด 6-24 ชั่วโมง (เฉลี่ย 12 ชั่วโมง) ระยะแรกจะมีอาการปวดบิดเกร็งในท้อง อาเจียน และถ่ายท้องรุนแรง บางรายอาจมีมูกเลือดปน อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงถึงตายได้ แต่ถ้าได้รับสารน้ำและเกลือแร่ทดแทนได้พอเพียง อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น จนดูเหมือนปกติ (ระยะนี้ถ้าตรวจเลือดอาจพบเอนไซม์ตับ คือ AST และ ALT สูงขึ้นเรื่อย ๆ) จนกระทั่ง 2-4 วันหลังกินเห็ดจะเกิดภาวะตับวาย เนื่องจากเซลล์ตับถูกทำลายรุนแรง และมักมีภาวะไตวายและหัวใจวายร่วมด้วย มีอัตราตายสูง (มากกว่าร้อยละ 20)

3. พิษต่อประสาทส่วนกลาง

เห็ดตระกูลไจโรมิทรา (พิษไจโรมิทริน) จะเกิดพิษมากเมื่อกินแบบไม่ปรุงสุก มักเกิดอาการหลังกินเห็ด 6-24 ชั่วโมง จะเริ่มด้วยอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน เป็นตะคริว ซึ่งมักจะไม่รุนแรง ต่อมาจะมีอาการเพ้อ ชัก หมดสติ อาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ภาวะเมตเฮโมโกลบินในเลือด (methemoglobinemia) ตับวาย ไตวายได้ มีอัตราตายสูงพอประมาณ (น้อยกว่าร้อยละ 10)

พิษซิโลไซบินเเละซิโลซิน (เห็ดขี้ควาย) หลังกินเห็ด 30-60 นาที ผู้ป่วยจะรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ประสาทหลอน (โดยเฉพาะเห็นภาพหลอน) เดินโซเซ รูม่านตาขยาย ใจเต้นเร็ว หายใจถี่ ความดันโลหิตสูง มีการเคลื่อนไหวมากผิดปกติ บางรายอาจมีอาการชัก ผู้ป่วยอาจรู้สึกตื่นตระหนก กลัวตาย โดยทั่วไปภาวะพิษชนิดนี้มักจะไม่รุนแรงถึงตาย

4. พิษต่อระบบประสาทอัตโนมัติ

พิษมัสคารีน จะเกิดพิษมากเมื่อกินแบบไม่ปรุงให้สุก มักเกิดอาการหลังกินเห็ด 30-60 นาที จะมีอาการอาเจียน ท้องเดิน ปัสสาวะราด น้ำตาไหล น้ำลายฟูมปาก เสมหะมาก หลอดลมหดเกร็ง (อาจมีเสียงหายใจดังวี้ด) ชีพจรเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ รูม่านตาหดเล็ก มักจะไม่รุนแรงถึงตาย

พิษมัสซิมอลและกรดไอโบเทนิก หลังกินเห็ดประมาณ 30 นาที ผู้ป่วยมีอาการเมา เดินโซเซ เคลิ้มฝัน ร่าเริง กระปรี้กระเปร่า ประสาทหลอน เอะอะโวยวาย หลังจากนั้นจะหลับนาน เมื่อตื่นขึ้นมาอาการจะหายเป็นปกติภายใน 1-2 วัน แต่ถ้ากินเห็ดชนิดนี้มาก ๆ จะเกิดอาการคล้ายพิษอะโทรพีน ได้แก่ หน้าแดง ตัวแดง ตื่นเต้น เพ้อ กล้ามเนื้อสั่นและกระตุก ชัก รูม่านตาขยาย ชีพจรเต้นช้า มักจะไม่รุนแรงถึงตาย

5. พิษต่อไต หลังกินเห็ด 24-48 ชั่วโมง จะมีอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน ซึ่งมักไม่รุนแรง เมื่อมีอาการทุเลาหรือหายแล้ว หลังจากกินเห็ด 36 ชั่วโมง ถึง 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะไตวายตามมา โดยมีอาการปวดเอว กระหายน้ำมาก ปัสสาวะออกมากและบ่อย หรือปัสสาวะออกน้อย ร่วมกับอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ง่วงนอน ภาวะไตวายมักเป็นเรื้อรังนานเป็นแรมเดือนแรมปี

6. พิษร่วมกับแอลกอฮอล์ เกิดอาการหลังกินเห็ดแกล้มเเอลกอฮอล์ 10-30 นาที หรือเมื่อดื่มแอลกอฮอล์หลังจากกินเห็ดแล้วถึง 1 สัปดาห์ก็ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการหน้าแดง ตัวแดง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ใจสั่น เหงื่อแตก ชาตามตัว รูม่านตาขยาย ความดันโลหิตสูง บางรายอาจมีความดันโลหิตต่ำ


ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะขาดน้ำรุนแรง ถึงขั้นช็อก และเสียชีวิต

ที่ร้ายแรง ได้แก่ ภาวะตับวาย (มีอาการซึม เพ้อ ชัก หมดสติ ดีซ่าน จ้ำเขียวตามตัว อาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ) ไตวาย (มีอาการอ่อนเพลีย ปัสสาวะออกมาก และบ่อยกว่าปกติ หรือปัสสาวะออกน้อย) ซึ่งเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญ

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในระยะแรกอาจพบภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะในรายที่อาเจียน และถ่ายท้องมาก

ระยะต่อมาอาจพบอาการอื่น ๆ ขึ้นกับพิษที่ได้รับ เช่น ดีซ่าน (ตาเหลือง) อาการทางระบบประสาท (เคลิบเคลิ้ม ร่าเริง ซึม เพ้อ เดินโซเซ ชัก หมดสติ) ชีพจรเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำหรือสูง รูม่านตาขยายหรือหดเล็ก เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์มักจะวินิจฉัยภาวะพิษเห็ดจากลักษณะอาการ ประวัติการกินเห็ด และตรวจตัวอย่างเห็ดที่เป็นสาเหตุ

การซักถามช่วงเวลาที่กินเห็ดกับช่วงเวลาที่เริ่มมีอาการอาจมีประโยชน์ในการแยกแยะสาเหตุ ถ้าเริ่มมีอาการหลังกินเห็ดน้อยกว่า 6 ชั่วโมง มักเกิดจากพิษชนิดอ่อนและชนิดร้ายแรงไม่มาก ได้แก่ ซิโลไซบินเเละซิโลซิน (เห็ดขี้ควาย) พิษต่อประสาทอัตโนมัติ (มัสคารีน มัสซิมอล และกรดไอโบเทนิก) แต่ถ้าเริ่มมีอาการหลังกินเห็ดมากกว่า 6 ชั่วโมง มักเกิดจากพิษร้ายเเรง ได้แก่ พิษต่อตับ (เห็ดระโงกหิน) พิษต่อไต พิษไจโรมิทริน

ถ้าเริ่มมีอาการหลังกินเห็ดร่วมกับดื่มแอลกอฮอล์ 2-72 ชั่วโมง ก็เกิดจากพิษโคพรีน

การรักษา ให้การรักษาขั้นพื้นฐาน (อ่านเพิ่มเติมที่ "การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ" ด้านล่าง) และรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าติดตามอาการ ตรวจเลือด ประเมินการทำงานของตับและไต และให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาบรรเทาปวด ปรับดุลสารน้ำและเกลือแร่ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ให้ยากล่อมประสาท (ในรายที่กระสับกระส่าย เอะอะโวยวาย) ให้ยาแก้ชัก ให้กลูโคส (ในรายที่มีภาวะน้ำตาลต่ำ) เป็นต้น

เมื่อทราบว่าเป็นเห็ดพิษชนิดใด หรือผู้ป่วยมีอาการแสดงชัดเจนว่าเป็นจากพิษชนิดใด ก็จะให้การรักษาตามสาเหตุ ดังนี้

    พิษต่อตับ (เห็ดระโงกหิน) ให้ผงถ่านกัมมันต์และยาต้านพิษ อาจทำการล้างไตโดยวิธีฟอกเลือด (hemodialysis) ทำการถ่ายพลาสมา (plasmapheresis), hemofiltration หรือ hemoperfusion กรณีที่มีภาวะตับวายรุนแรง อาจต้องทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ
    พิษไจโรมิทริน ให้ผงถ่านกัมมันต์ทุก 4 ชั่วโมง และยาระบาย ให้ยาต้านพิษ
    พิษซิโลไซบินเเละซิโลซิน (เห็ดขี้ควาย) ควรแยกผู้ป่วยอยู่ในที่สงบ ในรายที่มีอาการตื่นตระหนก ประสาทหลอน กลัวตาย ให้ยากล่อมประสาท เช่น ไดอะซีแพม
    พิษมัสคารีน ให้อะโทรพีนเข้าหลอดเลือดดำ สามารถให้ซ้ำจนกระทั่งเสมหะแห้ง อาการมักจะดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง
    พิษมัสซิมอลเเละกรดไอโบเทนิก ถ้ามีอาการชักให้ไดอะซีเเพมเข้าหลอดเลือดดำ
    พิษต่อไต ไม่มียาต้านพิษ ควรทำการตรวจเลือดดูการทำงานของไตเป็นระยะ ๆ ปรับดุลสารน้ำและเกลือแร่ ถ้าจำเป็นอาจต้องทำการล้างไตโดยวิธีฟอกเลือด (hemodialysis) หรือทำ hemoperfusion และอาจต้องผ่าตัดปลูกถ่ายไต
    พิษร่วมกับเเอลกอฮอล์ ถ้ามีความดันโลหิตต่ำ ต้องให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ถ้าไม่ได้ผลให้นอร์เอพิเนฟรีน ถ้าอาการรุนแรงมากอาจต้องทำการฟอกล้างของเสียทางเลือด

การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ

1. ถ้าผู้ป่วยกินสัตว์หรือพืชพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และยังไม่อาเจียน รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียนด้วยการให้ไอพีเเคกน้ำเชื่อมหรือใช้นิ้วล้วงคอ

2. ให้ผู้ป่วยกินผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1 แก้ว โดยให้ผู้ป่วยดื่มเอง ถ้าอาเจียนหรือดื่มเองไม่ได้ ให้ป้อนผ่านท่อสวนกระเพาะ (stomach tube) ถ้าผู้ป่วยหมดสติ ควรใส่ท่อช่วยหายใจก่อนเพื่อป้องกันการสำลัก

ควรให้เร็วที่สุดเมื่อพบผู้ป่วย (วิธีนี้จะได้ผลมากที่สุดเมื่อให้กินภายใน 30 นาทีหลังกินสัตว์หรือพืชพิษ) ไม่ควรให้ก่อนหรือหลังให้ยาที่ทำให้อาเจียน

ในรายที่รับพิษร้ายเเรง เช่น ปลาปักเป้า แมงดาถ้วย เห็ดพิษร้ายแรง หรือสงสัยรับพิษปริมาณมาก ควรให้ซ้ำทุก 4 ชั่วโมง

3. ทำการล้างกระเพาะอาหารด้วยน้ำเกลือนอร์มัลหรือน้ำ

วิธีนี้จะได้ผลดี เมื่อผู้ป่วยกินสารพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และไม่มีอาการอาเจียน ถ้าทำหลังกินสารพิษมากกว่า 4 ชั่วโมง อาจไม่ได้ประโยชน์และไม่คุ้มกับผลข้างเคียง (ที่สำคัญคือ การสำลักเข้าปอดทำให้ปอดอักเสบ)

ควรกระทำโดยบุคลากรที่ชำนาญ และในที่ที่มีความพร้อม

ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าผู้ป่วยมีอาการอาเจียนมาก และห้ามทำในผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัว หมดสติ

อาจให้ผงถ่านกัมมันต์กินก่อนล้างกระเพาะ หรือผสมผงถ่านกัมมันต์ในน้ำล้างกระเพาะก็ได้

4. ให้ผู้ป่วยดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนต ขนาด 2-5% จำนวน 50 มล.

5. ให้กินยาระบาย ซอร์บิทอล (sorbitol) ขนาด 70% อาจกินเดี่ยว ๆ หรือผสมกับผงถ่านกัมมันต์แทนน้ำก็ได้ ถ้าไม่มีอาจให้ยาระบายอื่น ๆ เช่น ยาระบายแมกนีเซีย (Milk of Magnesia) แทน ให้ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง

ห้ามทำ ในรายที่มีอาการถ่ายท้องมากอยู่แล้ว หรือมีภาวะขาดน้ำที่ยังไม่ได้รับการทดแทน

6. ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

7. ถ้าชักฉีดไดอะซีเเพม 5-10 มก.เข้าหลอดเลือดดำ

8. ถ้าหยุดหายใจหรือหายใจไม่ได้ ให้ทำการช่วยเหลือด้วยการเป่าปาก หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ

9. ถ้าหมดสติ ให้การรักษาแบบหมดสติ


การดูแลตนเอง

หากสงสัยว่าผู้ป่วยเกิดอาการพิษเห็ด ควรทำการปฐมพยาบาลแล้วรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

การปฐมพยาบาล สำหรับผู้ป่วยที่กินสารพิษ สัตว์พิษ หรือพืชพิษ

1. รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อขับพิษออก

    ถ้ามียากระตุ้นอาเจียน ได้แก่ ไอพีแคกน้ำเชื่อม (syrup ipecac) ให้กินครั้งละ 15-30 มล. (เด็กโต 15 มล.) และดื่มน้ำตามไป 1 แก้ว ถ้ายังไม่อาเจียนใน 20 นาที กินซ้ำได้อีก 1 ครั้ง
    ถ้าไม่มียา ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ 1 แก้ว แล้วใช้นิ้วล้วงเข้าไปเขี่ยที่ผนังลำคอกระตุ้นให้อาเจียน ถ้าไม่ได้ผลทำซ้ำอีกครั้ง

ควรเก็บเศษอาหารที่อาเจียน ไว้ส่งตรวจวิเคราะห์

วิธีนี้จะได้ผลดี ต้องรีบทำภายใน 1 ชั่วโมงหลังกินสารพิษ และไม่ต้องทำหากผู้ป่วยมีอาการอาเจียนเองอยู่แล้ว

ห้ามทำ ในผู้ป่วยที่ชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ หรือกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์ หรือสารพิษไม่ทราบชนิด

2. ถ้ามีผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ให้กินขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1/2-1 แก้ว เพื่อลดการดูดซึมสารพิษเข้าร่างกาย (ไม่ต้องทำถ้าผู้ป่วยกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์)

ถ้าไม่มีผงถ่านกัมมันต์ ให้กินไข่ดิบ 5-10 ฟอง หรือดื่มนมหรือน้ำ 4-5 แก้ว

3. สำหรับผู้ป่วยที่กินพาราควอต ให้กินสารละลายดินเหนียว (Fuller’s earth) โดยผสมผงดินเหนียว 150 กรัม หรือ 2 1/2 กระป๋อง ในน้ำ 1 ลิตร ถ้าไม่มีให้ดื่มน้ำโคลนดินเหนียวจากท้องร่องในสวน (ที่ไม่มีตะปูหรือเศษแก้ว หรือสารพิษตกค้าง) ซึ่งจะลดพิษของยานี้ได้

4. สำหรับผู้ที่กินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย ปลาทะเลพิษ หอยทะเลพิษ เห็ดพิษ ให้ดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนตขนาด 2-5% จำนวน 50 มล. (อาจเตรียมโดยผสมผงฟู 1-2.5 กรัม ในน้ำ 50 มล.) ซึ่งจะช่วยลดพิษของอาหารพิษได้

ห้ามทำ ข้อ 2-4 ถ้าผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ

5. ถ้าผู้ป่วยมีภาวะขาดน้ำ ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรือให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

6. ถ้าผู้ป่วยชักหรือหมดสติ ให้ทำการปฐมพยาบาลเช่นเดียวกับผู้ป่วยชัก (อ่านใน "โรคลมชัก" เพิ่มเติม) หรือหมดสติ (อ่านใน "อาการหมดสติ" เพิ่มเติม)

7. รีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ควรนำสารพิษที่ผู้ป่วยกินหรืออาเจียนออกมาไปให้แพทย์ตรวจวิเคราะห์ด้วย


การป้องกัน

1. ห้ามกินเห็ดระโงกหินที่มีพิษต่อตับโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะทำให้สุกหรือไม่ก็ตาม

2. หลีกเลี่ยงการกินเห็ดธรรมชาติหรือเห็ดป่าที่ไม่รู้จัก หรือไม่เคยมีผู้อื่นบริโภคมาก่อน หรือเห็ดที่เก็บมาจากบริเวณที่เคยมีเห็ดพิษขึ้นมาก่อน หากไม่แน่ใจ ไม่มีข้อมูลเพียงพอ ก็ไม่ควรบริโภคเป็นอันขาด

3. ในการเก็บเห็ด ควรมีผู้ที่มีประสบการณ์อยู่ร่วมตรวจสอบด้วยเสมอ ไม่ควรเก็บเห็ดในบริเวณที่มีสารพิษตกค้าง

4. ในการบริโภคเห็ดธรรมชาติหรือเห็ดป่า ควรปฏิบัติดังนี้

    ไม่ควรกินแบบสด ๆ หรือเห็ดที่ไม่ได้ทำให้สุก (เห็ดบางชนิดเมื่อถูกความร้อน พิษจะถูกทำลายลง)
    ไม่ควรนำเห็ดหลายชนิดมาปรุงรวมกัน ควรแยกออกเสียก่อน หากเกิดเป็นพิษจะได้ง่ายต่อการวินิจฉัย
    ไม่ควรนำเห็ดไปปรุงจนหมด ควรเก็บดอกอ่อนและดอกแก่ไว้อย่างละ 1 ดอกเป็นอย่างน้อย เพื่อนำส่งวิเคราะห์หากเกิดการเป็นพิษขึ้นมา

5. การพิสูจน์พิษเห็ดโดยวิธีพื้นบ้าน (เช่น ใช้ช้อนเงิน งาช้าง ข้าวสาร หัวหอม หรือใช้ร่องรอยการทำลายจากหนอน แมลง และสัตว์) รวมทั้งการสังเกตลักษณะรูปทรง สีสันของเห็ด มีความไม่แม่นยำ จึงไม่ควรนำเห็ดที่ผ่านการพิสูจน์โดยวิธีเหล่านี้มาบริโภค

ข้อแนะนำ

1. ถ้าพบผู้ป่วยมีอาการเป็นพิษจากเห็ด ควรให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้น และส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลทุกราย เมื่อดูแลรักษาจนดูเป็นปกติแล้วก็อย่าพึ่งวางใจ เนื่องเพราะพิษต่อตับและไตอาจค่อย ๆ เกิดขึ้นช้า ๆ กินเวลาเป็นวัน ๆ ถึงสัปดาห์ ๆ ก็ได้ ควรตรวจเลือดดูการทำงานของตับและไตเป็นระยะ ๆ (ยกเว้นในกรณีที่วินิจฉัยได้แน่ชัดว่าไม่ได้เกิดจากเห็ดที่มีพิษต่อตับหรือไตเท่านั้น) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่กินเห็ดระโงกหิน (พบมากทางภาคเหนือและอีสาน) ควรติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะตรวจเลือดแล้วไม่พบมีความผิดปกติของตับหลังเกิดอาการ 7 วันไปแล้ว

2. ควรให้ความรู้แก่คนทั่วไปถึงอันตรายของเห็ดพิษ วิธีป้องกัน อาการแสดงของเห็ดพิษ และการปฐมพยาบาล รวมทั้งเก็บเศษอาหารที่อาเจียนและชิ้นส่วนเห็ดส่งไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาล

3. โดยทั่วไปผู้ที่มีอาการเกิดขึ้นภายใน 6 ชั่วโมงหลังกินเห็ดมักเป็นพิษที่ไม่ร้ายแรง ถ้าเกิดขึ้นหลัง 6 ชั่วโมงมักเป็นพิษชนิดร้ายแรง แต่อาจมีข้อยกเว้นถ้ามีการกินเห็ดพิษหลายชนิดพร้อมกัน การเกิดอาการเร็วก็อาจไม่ได้ประกันว่าจะไม่เป็นพิษร้ายแรง (ซึ่งมักเกิดตามมาช่วงหลัง)

4. ผู้ป่วยที่เกิดจากพิษต่อตับหรือไต บางครั้งอาจมาพบแพทย์ในช่วงหลัง คือมีอาการของตับวาย (เช่น มีอาการดีซ่าน จ้ำเขียวตามตัว หรือซึม เพ้อ ชัก) หรือไตวาย (อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ง่วงนอน เบื่ออาหาร ปัสสาวะออกมากหรือน้อยกว่าปกติ) ดังนั้น ถ้าพบอาการดังกล่าว ควรคิดถึงภาวะพิษจากเห็ดไว้เสมอ


3
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส Invisalign ช่วยให้หน้าเรียวได้จริงหรือไม่

ต้องบอกเลยว่า เป็นหนึ่งในคำถามที่หลายๆคนยังไม่ทราบคำตอบด้วยซ้ำ แต่มีความเชื่อหรือพูดปากต่อปากกันมาตลอดว่า การจัดฟันนั้นจะช่วยทำให้โครงหน้าวเรียว หรือโครงหน้าเข้ารูปขึ้น

ซึ่งสำหรับบางท่านก็ยังมีความรู้สึกว่าการจัดฟัน จะช่วยให้โครงหน้าเรียวได้อย่างไร ก็การตั้งคำถามต่างๆนาๆ แต่เชื่อไหมว่ามีหลายๆท่านที่ทำการจัดฟัน เพื่อหวังให้หน้าเรียว

แต่เพื่อนเป็นการไม่เสียเวลา ในวันนี้ทางด้านของ Clinic ผู้เชี่ยวชาญเรื่องทันตกรรมและการจัดฟันแบบใส Invisalign จะขออนุญาตมาไขข้อสงสัยโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกันดูซิง่า การจัดฟันแบบใสนั้นจะช่วยให้โครงหน้าเข้ารูปเรียวงามได้จริงหรือไม่ดังต่อไปนี้


ไขข้อสงสัย การจัดฟันแบบใส Invisalign ช่วยให้หน้าเรียวได้จริงหรือ ?

ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า การจัดฟันเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถทำให้โครงหน้าเรียวเล็กลงได้ รวมถึงอาจจะมีส่วนในการปรับเปลี่ยนโครงหน้าพื้นฐานได้อีกด้วย ซึ่งหากว่าเป็นในกรณีจุดที่ฟันนั้นกัดลงมาสนิท อยู่ในจุดที่เตี้ย จะทำให้โครงหน้าของท่านดูสั้นลง ซึ่งหากว่าในจุดค้ำยันนั้นมีตำแหน่งที่สูงขึ้น โครงหน้าก็จะดูยาวขึ้นและสามารถทำให้ดูเรียวขึ้นได้

แถมด้วยมีทันตแพทย์หลายๆคนกล่าวว่าการจัดฟันยังช่วยในการปรับแก้ไขใบหน้าได้อีกหลายรูปแบบอีกด้วย เช่น ริมฝีปากอูม หรือคางยื่น เพราะเมื่อทำการขยับฟันที่ผิดรูปให้เข้าที่แล้วนั้น รูปปากก็จะสามารถเปลี่ยนไปตามด้วยเช่นกัน

ซึ่งก่อนที่จะทำการจัดฟันทันตแพทย์จะทำการวิเคราะห์โครงสร้างของฟันรวมถึงใบหน้าทุกครั้ง

สรุปแล้วก็คือ ในการจัดฟันเมื่อฟันของท่านเข้าที่แล้ว โครงหน้าก็จะสามารถเข้ารูปหรือเรียวขึ้น รวมถึงโครงสร้างรูปปากที่มีปัญหาก็จะสามารถเข้าทรงสวยงามได้อีกด้วยนั่นเอง

 

จัดฟันแบบใสอย่างไรให้เหมาะสม ?

การจัดฟันแบบใสถือว่าเป็นที่นิยมมากๆในระดับสากล รวมถึงประเทศไทยในปัจจุบัน ก็เริ่มที่จะมีคนจำนวนมากหันมาจัดฟันแบบใส Invisalign กันเยอะขึ้นเป็นหลายเท่าตัว เนื่องจากว่าการจัดฟันแบบใสนั้น มีความสะดวกสบายเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการถอดและสวมใส่ได้เอง หรือการถอดออกมาเพื่อดูแลความสะอาดในช่องปาก เลยมักจะเกิดปัญหาในช่องปากตามมาน้อยกว่าคนที่จัดฟันแบบลวดรุ่นเก่าๆที่ไม่สามารถถอดออกเองได้นั่นเอง

ซึ่งโดยปกติแล้วการจัดฟันแบบใส Invisalign จะมีด้วยกันทั้งหมด 4 โปรแกรมในปัจจุบัน คือ Express, Lite, Moderate และ Comprehensive

โดยทั้ง 4 โปรแกรมนี้จะเป็นการแก้ปัญหาตั้งแต่น้อยมากไปถึงปัญหาที่ใหญ่มากๆ มีการเรียงตัวที่ผิดปกติของฟันเยอะมากๆ

ซึ่งในแต่ละโปรแกรมนั้นทางด้านของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะเป็นคนที่จะทำการวินิจฉัย วิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้ฟันของท่านออกมาเรียงตัวได้เป็นธรรมชาติมากที่สุด

นอกจากนี้ยังใช้ iTero ซึ่งเป็นโปรแกรม 3D ในการแสกนฟันเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนการวิเคราะหืและวางแผน เมื่อได้รูปแบบที่ดีที่สุดและลงตัวแล้ว ก็จะส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้ทางห้องแล็บประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นก็รอประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ได้แบบของฟัน ซึ่งท่านจะเห็นในรูปแบบเสมือนจริง หลังจากนั้นทางด้านทันแพทยืผู้เชี่ยวชาญจะทำการผลิตอุปกรณ์จัดฟัน ที่ใส่เฉพาะท่านขึ้นมา

โดยเมื่อท่านได้อุปกรณ์ดังกล่าวแล้วก็ให้พยายามใส่ให้ติดปาก และถอดออกแค่ตอนรับประทานอาหาร หรือแปรงฟันเท่านั้น โดยตัวอุปกรณ์จัดฟันแบบใสนี้จะทำการเปลี่ยนชุดใหม่ทุก 2 สัปดาห์ ต่อเนื่องไปจนกว่าฟันของท่านจะเคลื่อนเข้าที่ตามที่ได้วางแผนไว้

สิ่งสำคัญมากๆ คือ ท่านควรมาพบทันตแพทย์ทุกครั้งตามนัดหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะต้องทำการวิเคราะห์ทุกการเคลื่อนที่ของฟันของผู้ป่วย ตลอดระยะเวลาการจัดฟัน จนกว่าจะเข้าที่ เพื่อลดการเกิดปัญหาต่างๆที่ตามมาในภายหลัง

แต่ถึงอย่างไรก็ตามการจัดฟันแบบใสนั้นท่าจะมีความสบายเนื่องจากถอดใส่เมื่อไหร่ก็ได้ อาจจะเป็นจุดอ่อนสำหรับบางท่านที่ขาดวินัย เพราะหากว่าท่านละเลยก็อาจจะทำให้ฟันของท่านเข้ารูปช้า หรืออาจจะไม่เข้ารูปเลยก็เป็นได้

4
บ้านติดรถไฟฟ้า ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 7 (ศุภชวาล) (Supalai Ville Wongwaen-Lamlukka Klong 7)
เริ่มต้น 3.76 ลบ. 

ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 7 (ศุภชวาล) (Supalai Ville Wongwaen-Lamlukka Klong 7)
บ้านซีรี่ส์ใหม่ “Tropical Modern” ใส่ใจกับทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิต ด้วยการเลือกใช้วัสดุคุณภาพ ประหยัดพลังงาน เช่น กระจกอนุรักษ์พลังงานเบอร์ 5 (SMG) ฝ้าชายคาระบายอากาศ ระบบ Home Automation เป็นต้น พร้อมกับอาคารสโมสร ฟิตเนส สระว่ายน้ำระบบน้ำแร่ สนามเด็กเล่น และพื้นที่สีเขียวกว่า 1 ไร่ การเดินทางสะดวก เชื่อมต่อทั้งทางด่วนวงแหวนกาญจนาฯ รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม(ส่วนต่อขยาย)

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ             ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 7 (ศุภชวาล) (Supalai Ville Wongwaen-Lamlukka Klong 7)
 เจ้าของโครงการ        ศุภาลัย
 แบรนด์ย่อย              ศุภาลัย วิลล์
 ราคา                   เริ่มต้น 3.76 ลบ.

 ประเภทบ้าน           บ้านแฝด
 ลักษณะทำเล         บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ        42 ไร่ 1 งาน 30 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน           98 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด       1 แบบ
  เนื้อที่บ้าน              ตั้งแต่ 35 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย            ตั้งแต่ 133 ตร.ม.
 จำนวนชั้น              โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 หน้ากว้าง              โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนที่จอดรถ       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค          สวนสาธารณะ, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, สนามเด็กเล่น, Co-working space, Home Automation

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน
 ที่ตั้ง

 ขนส่งสาธารณะ            ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(หมอชิต - คูคต)(คูคต)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
เทสโก้ โลตัส 2.7 กม.
โฮมโปร ลำลูกกา คลอง 5 4.7 กม.
บิ๊กซี ลำลูกกา คลอง 5 4.7 กม.
โรงเรียน เตรียมอุดมศึกษา 3.0 กม.
มหาวิทยาลัย ราชมงคลธัญบุรี 14.7 กม.
โรงพยาบาล CGH ลำลูกกา 4.2 กม.

5
ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์: เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ มีจริงมั้ย? 5 เรื่องต้องเช็กถ้าไม่อยากถูกหลอกกู้

เมื่อเกิดปัญหาการเงินเราก็ย่อมต้องการตัวช่วยที่เร็วที่สุดใช่มั้ยล่ะคะ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลทำให้ตกเป็นเหยื่อเงินกู้นอกระบบ ที่มักหลอกลวงว่าเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ แต่จริงๆ แล้วมักมีดอกเบี้ยสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด แถมยังขึ้นชื่อเรื่องทวงหนี้โหดอีกด้วย วันนี้พาคนที่กำลังประสบปัญหาการเงินและกำลังต้องการตัวช่วยกับ 5 เรื่องต้องเช็กให้ดีก่อนถูกหลอกกู้เงินกู้นอกระบบนะคะ ดูเพิ่มเติม เงินเดือนน้อย เลือกสินเชื่อเงินสดดอกเบี้ยต่ำยังไง

เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ

1. ต้องปล่อยกู้โดยสถาบันการเงิน ภายใต้กำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ดูแลการดำเนินงานของสถาบันการเงินต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด สามารถตรวจเช็กรายชื่อแอปฯ เงินกู้ ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยได้นะคะ
 
2. มีกฎหมายคุ้มครองชัดเจน
ต้องมีการทำสัญญาการกู้เงิน มีเอกสารการสัญญาต่างๆ ที่ชัดเจนและเป็นธรรมตามกฎหมาย
 
3. มีอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมชัดเจน
อัตราดอกเบี้ยจะต้องไม่เกินที่กฎหมายกำหนดนะคะ รวมทั้งระบุค่าธรรมเนียม, เบี้ยปรับ, เงื่อนไขอื่นๆ ไว้ครบถ้วน
 
4. สามารถเจรจาประนอมหนี้ได้
ข้อนี้สำคัญ รู้มั้ยคะหากเกิดกรณีที่ผ่อนชำระไม่ไหว เราสามารถเจรจาประนอมหนี้ได้กับสถาบันการเงินที่ถูกกฎหมายได้ ซึ่งก็มีวิธีการต่างๆ เช่น ขอลดดอกเบี้ย เป็นต้น
 
5. มีหลักฐานการชำระเงิน
มีสลิป หรือเอกสารยืนยันหใ้ผู้กู้เก็บไว้ทุกครั้ง เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้นำเงินมาชำระหนี้จริง
 
สรุปแล้ว... ใครที่ร้อนเงิน ต้องการเงินด่วน ก็ย่อมต้องการเงินกู้ดอกเบี้ยต้ำกันทั้งนั้น แต่อย่าลืมเช็กข้อมูลของผู้ปล่อยเงินกู้นั้นให้ดี ว่าคือใคร เป็นเงินกู้ในระบบจริงหรือเปล่่า ซึ่งก็เช็กได้จากลิงก์ด้านบนเลยนะคะ เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ไปจนถึงตกอยู่ในวังวนของเงินกู้นอกระบบค่ะ

6
บริการทำความสะอาด: รวมวิธีป้องกัน และล้างเชื้อราห้องน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

เชื้อราในห้องน้ำ ไม่ได้แค่ทำให้ห้องน้ำดูเก่า และไม่สะอาดเท่านั้น แต่ยังจะส่งผลต่อสุขภาพของคนในบ้านอีกด้วย ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาเผยสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราในห้องน้ำ พร้อมวิธีป้องกัน และวิธีล้างเชื้อราห้องน้ำที่เห็นผลชัดเจนด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำสูตรอ่อนโยน ติดตามกันเลย!

 
เชื้อราในห้องน้ำเกิดจากอะไร ?

เชื้อราในห้องน้ำเป็นสิ่งที่พบได้บ่อย เนื่องจากห้องน้ำเป็นสถานที่ที่มีองค์ประกอบหลายอย่างที่เหมาะสมกับการเติบโตของเชื้อรา โดย 3 ปัจจัยที่ก่อให้เกิดเชื้อราในห้องน้ำมีดังนี้

    ความชื้น
    ห้องน้ำมีความชื้นสูง เพราะมีการเปิดใช้น้ำอยู่ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือ อาบน้ำ หรือแม้แต่การทำธุระส่วนตัว ทำให้ห้องน้ำมีความชื้นสะสม โดยเฉพาะหลังการอาบน้ำที่จะมีความชื้นอยู่สูงมาก ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมเช่นนี้

    อุณหภูมิ
    อุณหภูมิก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดเชื้อราในห้องน้ำได้ โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราจะอยู่ที่ 20-30 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิในห้องน้ำมักจะอยู่ในช่วงนี้ด้วย
    การสะสมของคราบต่าง ๆ
    การสะสมของคราบต่าง ๆ ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ห้องน้ำมีเชื้อรา เช่น เศษสิ่งสกปรก คราบไขมัน คราบสบู่ แชมพู หรือครีมนวดผม ที่สะสมตามซอกมุมต่าง ๆ รวมถึงบริเวณยาแนวห้องน้ำ ซึ่งถือเป็นอาหารชั้นดีของเชื้อรา ดังนั้นหากปล่อยให้มีคราบต่าง ๆ สะสมมาก ก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราในห้องน้ำเช่นกัน

 
พฤติกรรมใดบ้างที่ก่อให้เกิดเชื้อราในห้องน้ำ ?

    การไม่ทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำ ก่อให้เกิดการสะสมของคราบสกปรกต่าง ๆ ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี
    การระบายอากาศไม่ดี ทำให้ห้องน้ำมีความชื้นสะสม และมีโอกาสเกิดเชื้อราได้
    การใช้ผ้าม่านกันน้ำสำหรับกั้นโซนเปียก จะทำให้เป็นแหล่งสะสมของความชื้น เชื้อราจึงเกิดได้ง่าย
    การวางของอับชื้นไว้ในห้องน้ำอย่างผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดเท้า หรือฟองน้ำในห้องน้ำ จะทำให้มีความชื้นสะสมเยอะ จนเกิดเชื้อราได้ง่าย
    การใช้ยาแนวที่ไม่มีคุณภาพ อาจทำให้ยาแนวชื้น สึกกร่อนง่าย และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราในที่สุด

 

ทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำช่วยล้างและป้องกันเชื้อราในห้องน้ำ


วิธีป้องกันและกำจัดเชื้อราห้องน้ำ

เมื่อได้รู้แล้วว่ามีปัจจัย และพฤติกรรมใดบ้างที่ก่อให้เกิดเชื้อราในห้องน้ำ เพียงจัดการกับปัจจัยเหล่า นี้ ก็จะสามารถป้องกันและกำจัดเชื้อราในห้องน้ำได้แล้ว ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีเหล่านี้


เปิดประตู หน้าต่าง ให้อากาศระบายได้ดีขึ้นเป็นประจำ

การระบายความชื้นในห้องน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้มีความชื้นสะสมจนเกิดเชื้อรา ทำได้ด้วยการเปิดประตูและหน้าต่างห้องน้ำให้อากาศถ่ายเท รวมถึงเปิดพัดลมระบายอากาศเอาไว้ ก็จะช่วยลดความอับชื้นได้


ทำความสะอาดเป็นประจำด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำสูตรอ่อนโยน

การทำความสะอาดเป็นประจำด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำสูตรอ่อนโยน จะช่วยป้องกันการเกิดของเชื้อราในห้องน้ำได้ ทั้งยังจะช่วยลดการสะสมของคราบสกปรก คราบไขมัน รวมถึงคราบสบู่ แชมพู และครีมนวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ใช้ยาแนวที่ป้องกันเชื้อรา

อีกหนึ่งวิธีการป้องกัน และล้างเชื้อราที่มีประสิทธิภาพ และเห็นผลได้ชัดเจนก็คือ การใช้ยาแนวห้องน้ำที่มีคุณสมบัติในการป้องกันเชื้อรา ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด รวมถึงทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำสูตรอ่อนโยนเพื่อป้องกันการกัดกร่อนยาแนว และควรคอยสังเกตยาแนวอยู่เสมอว่ายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีหรือไม่


ทำความสะอาดเชื้อราด้วยของใช้ในบ้าน

ทำความสะอาดเชื้อราด้วยของใช้ในบ้าน เช่น การผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำมะนาว, เบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชู หรือใช้สารฟอกขาวขัดถูบริเวณที่เกิดเชื้อรา ด้วยแปรงทำความสะอาดก็จะสามารถกำจัดเชื้อราได้เช่นกัน โดยควรทำความสะอาดเป็นประจำ เชื้อราก็จะไม่เกิดซ้ำแล้ว

7
ตรวจอาการ หลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน (Central retinal artery occlusion, CRAO)

หลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน เป็นสาเหตุสำคัญหนึ่งที่ทำให้สายตาพิการที่เกิดขึ้นฉับพลันทันที โรคนี้พบได้ค่อนข้างน้อย (พบได้ประมาณ 1 รายต่อประชากร 100,000 คนต่อปี) มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยผู้ป่วยมีอายุเฉลี่ยอยู่ในช่วง 60 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ส่วนมากมักเกิดข้างเดียว มีเพียงราวร้อยละ 1-2 ที่พบว่าเกิดทั้ง 2 ข้าง

โรคนี้ถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉิน ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ตาบอด และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ

สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดจากการที่มีสิ่งหลุดอุดหลอดเลือด (embolus) ได้แก่ คราบไขมัน (cholesterol embolus) ซึ่งเกิดขึ้นที่หลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ (carotid artery) และคราบหินปูน (calcified embolus) หรือลิ่มเลือด (thrombus) ซึ่งเกิดขึ้นที่หัวใจ หลุดลอยเข้าไปอุดตันในหลอดเลือดแดงหลักของจอตา ทำให้เซลล์ประสาทของจอตาขาดเลือดไปเลี้ยง เกิดอาการตามืดบอดอย่างฉับพลัน

บางรายอาจเกิดจากภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบ (carotid stenosis) เลือดไหลเข้าไปในหลอดเลือดแดงหลักของจอตาได้น้อย จอตาจึงขาดเลือดไปเลี้ยง

ผู้ป่วยที่เกิดจากสิ่งหลุดอุดหลอดเลือดจากคราบไขมันที่หลุดลอยมาจากหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ หรือภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบ มักมีอายุมากกว่า 40-50 ปีขึ้นไป และมักมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด (เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน การสูบบุหรี่ เป็นต้น) หรือมีประวัติเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด (เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมอง) อยู่เดิม

ส่วนผู้ป่วยที่มีสาเหตุเกี่ยวกับความผิดปกติอื่น ๆ ของหัวใจ มักมีอายุน้อยกว่า 40 ปี และมักเกิดจากสิ่งหลุดอุดหลอดเลือดจากคราบหินปูนซึ่งเกิดที่ลิ้นหัวใจที่ผิดปกติ นอกจากนี้ ยังอาจมีสาเหตุจากโรคหัวใจอื่น ๆ เช่น ภาวะหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว (atrial fibrillation ซึ่งก่อให้เกิดลิ่มเลือดหลุดลอยไปอุดตันในหลอดเลือดแดงหลักของจอตา) เยื่อบุหัวใจอักเสบ (endocarditis ซึ่งก่อให้เกิดสิ่งหลุดอุดหลอดเลือดจากคราบเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อ หรือ septic embolus)

ผู้ป่วยส่วนน้อยอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น โรคเลือดข้นหรือภาวะเม็ดเลือดแดงมาก (polycythemia) ภาวะเลือดแข็งตัวเร็ว (จากการกินยาคุมกำเนิด ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด หรือจากสาเหตุอื่น ๆ) หลอดเลือดแดงขมับอักเสบ (temporal arteritis หรือ giant cell arteritis) ต้อหิน การฉีดสารเสพติด (ทำให้เกิดสิ่งหลุดอุดหลอดเลือดจากสิ่งแปลกปลอม หรือ foreign body embolus)


อาการ

มีอาการตามืดมัวข้างเดียวอย่างฉับพลันทันที ภายในเวลาไม่กี่วินาที โดยที่ไม่มีอาการปวดตาร่วมด้วย ส่วนใหญ่จะมีสายตามืดมัวรุนแรง จนอาจเหลือเพียงแค่นับนิ้ว (counting finger) ของผู้ตรวจ หรือเพียงบอกทิศทางที่มาของแสง (light perception) ซึ่งมักจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและถาวร

บางรายอาจมีอาการตามืดบอดชั่วคราวนำมาก่อน นานแค่นับเป็นวินาทีหรือเป็นนาที (นานสุดไม่เกิน 2 ชั่วโมง) แล้วทุเลาเป็นปกติไปได้เอง เรียกว่า อาการตามืดบอดชั่วขณะ (amaurosis fugax) ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตันเพียงชั่วคราว (transient CRAO)

ในรายที่เกิดหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน 2 ข้าง จะมีอาการมืดมัวพร้อมกันทั้ง  2 ข้าง


ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบบ่อยคือ สายตามืดบอดถาวร เนื่องจากเซลล์ประสาทที่จอตาตายหรือเสื่อมสภาพอย่างถาวรหลังจากขาดเลือดนานเกิน 4 ชั่วโมง ซึ่งมีผู้ป่วยน้อยรายที่จะไปรับการรักษาจากแพทย์ได้ภายใน 4 ชั่วโมง

ผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองมีลิ่มเลือดอุดตัน (อัมพาตครึ่งซีก) และโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังเป็นหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน

ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองมีลิ่มเลือดอุดตัน (อัมพาตครึ่งซีก) สูงเป็น 10 เท่าของคนทั่วไปในระยะ 3.5 ปีหลังเป็นหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน และยังคงมีความเสี่ยงต่อไปนานนับ 10 ปี

นอกจากนี้ อาจเกิดโรคต้อหินแทรกซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากการซักถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และตรวจพบว่าสายตามืดมัวรุนแรง (นับนิ้วได้ หรือเห็นแค่แสง)

แพทย์จะวินิจฉัยให้แน่ชัด ด้วยการใช้กล้องส่องตรวจในลูกตา (fundoscopy) และการใช้เครื่องมือพิเศษตรวจความผิดปกติของจอตาและหลอดเลือดจอตา เช่น fluorescein angiogram, optical coherent tomography (OCT), optical coherence tomography angiography (OCT-A) เป็นต้น

นอกจากนี้ จะทำการตรวจหาสาเหตุที่เกี่ยวข้อง เช่น ตรวจเลือด (ดูภาวะเม็ดเลือดแดงมาก ภาวะเลือดแข็งตัวเร็ว ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ภาวะการอักเสบในร่างกายจากโรคหลอดเลือดแดงขมับอักเสบ เป็นต้น) ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ อัลตราซาวนด์หลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ ถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้มีโอกาสสูงที่จะเกิดอาการตามืดบอดอย่างถาวร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปล่อยให้มีอาการนานเกิน 4 ชั่วโมง

การรักษาจะได้ผลดีที่สุด คือ ต้องได้รับการรักษาจากจักษุแพทย์ภายใน 4 ชั่วโมงหลังมีอาการ

อย่างไรก็ตาม ในรายที่มาพบแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล และอาจทดลองรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

    การนวดตา (ocular massage) เชื่อว่าจะทำให้มีการขยายตัวของหลอดเลือดแดงและเพิ่มเลือดไปเลี้ยงที่จอตา
    การเจาะระบายน้ำในช่องลูกตาหน้า (anterior chamber paracentesis)
    การให้ยาเพื่อลดความดันลูกตา เช่น การให้ยา acetazolamide หรือ mannitol ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ หรือให้กินยา glyceral 
    การอมยาใต้ลิ้นเพื่อขยายหลอดเลือด (sublingual isosorbide dinitrate)
    การบำบัดด้วยออกซิเจนความดันบรรยากาศสูง (hyperbaric oxygen therapy) โดยให้ผู้ป่วยหายใจด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% ขณะอยู่ใน "ห้องปรับความดันบรรยากาศสูง (hyperbaric chamber)" ทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด
    การยิงแสงเลเซอร์ ทำให้สิ่งหลุดอุดหลอดเลือด (embolus) แตกตัว หลุดออกมาอยู่ในน้ำวุ้นลูกตา
    การให้ยาละลายลิ่มเลือด (thrombolytic agent) ได้แก่ tissue plasminogen activator (tPA) ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ โดยจะให้ภายใน 4 ชั่วโมงครึ่งหลังมีอาการ (สำหรับผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ได้ทัน)
    การให้ยาสเตียรอยด์ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงขมับอักเสบ

นอกจากนี้ หากตรวจพบโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดหัวใจหรือสมอง ภาวะหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว ต้อหิน เป็นต้น แพทย์ก็จะให้ยารักษาโรคเหล่านี้ร่วมด้วย

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่มีการอุดตันของหลอดเลือดแดงหลักของจอตารุนแรงหรือมีการอุดตันอย่างสมบูรณ์ หรือมาพบแพทย์ช้า (ปล่อยให้มีอาการนานกว่า 4 ชั่วโมง) มักจะเกิดอาการตามืดบอดถาวร

สำหรับผู้ป่วยที่มีการอุดตันของหลอดเลือดแดงหลักของจอตาไม่รุนแรง หรือมีการอุดตันเพียงบางส่วน หรือมีหลอดเลือดแดงแขนง (cilioretinal artery) มาเลี้ยงจอตา อาจมีอาการทุเลาได้หลังมีอาการนาน 2 สัปดาห์ไปแล้ว


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการตามืดมัวเกิดขึ้นฉับพลันทันที โดยไม่มีอาการปวดตา ควรไปปรึกษาแพทย์ทันที

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    ดูแลรักษา ใช้ยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ดูแลรักษาโรคที่เป็นปัจจัยของโรคนี้ (เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น) ให้ได้ผล
    เลิกบุหรี่ (ถ้าสูบบุหรี่)

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการเจ็บหน้าอก หรือแขนขาชาหรืออ่อนแรง
    มีอาการปวดศีรษะรุนแรง ปวดตารุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ตาแดงหรือตามัวมากขึ้น
    มีสายตา (การมองเห็น) เลวลง หรือมีความวิตกกังวล
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ใช้ยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง คันตา ตาบวม ตาแดง ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

อาจป้องกันด้วยการลดการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) และควบคุมโรคหรือภาวะที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้  ดังนี้

1. บริโภคอาหารสุขภาพ โดยลดอาหารมัน หวาน เค็ม และบริโภคปลา ผัก ผลไม้ ธัญพืชให้มาก ๆ

2. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

3. หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ

4. ไม่สูบบุหรี่

5. หมั่นตรวจสุขภาพเป็นระยะ หากพบว่าเป็นโรคที่เป็นปัจจัยของโรคนี้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว หลอดเลือดแดงขมับอักเสบ ภาวะเม็ดเลือดแดงมาก ภาวะเลือดแข็งตัวเร็ว ต้อหิน เป็นต้น ควรรักษากับแพทย์อย่างจริงจัง


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้แม้ว่าจะพบได้น้อย แต่มีความรุนแรงถึงทำให้ตาบอดถาวรได้ ซึ่งมักเกิดเพียงตาข้างเดียว ตาอีกข้างเป็นปกติ บางรายอาจเกิดทั้ง 2 ข้าง ทำให้มองไม่เห็น กระทบต่อคุณภาพชีวิตได้

ดังนั้น เมื่อสังเกตพบว่ามีอาการตามืดมัวเกิดขึ้นฉับพลันทันที ควรรีบไปพบแพทย์ทันที อย่าปล่อยให้มีอาการนานเกิน 4 ชั่วโมง หากมาพบแพทย์ช้าเกินไป การรักษาจะได้ผลน้อย

2. ภาวะหลอดเลือดจอตาอุดตัน (retinal vascular occlusion) อาจเกิดที่หลอดเลือดแดงหรือดำ ที่เป็นหลอดเลือดหลัก (central retinal artery/central retinal vein) หรือหลอดเลือดแขนงย่อย (branch retinal artery/branch retinal vein) ก็ได้ มักมีปัจจัยเสี่ยงและการป้องกันคล้ายกับโรคหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน และมีอาการคล้ายกัน คือ อาการตามืดมัวทันที โดยไม่มีอาการปวดตา (ถ้ามีอาการปวดตาร่วมด้วย มักเกิดจากสาเหตุร้ายแรงอื่น เช่น ต้อหินชนิดเฉียบพลัน)

ภาวะหลอดเลือดจอตาอุดตัน จะมีอาการรุนแรงมากน้อยขึ้นกับตำแหน่งและขนาดของการอุดตัน ถ้าเกิดการอุดตันของหลอดเลือดแดงหรือดำหลัก มักมีอาการมืดมัวทั้งตาอย่างรุนแรงและถาวร ถ้าเกิดที่หลอดเลือดแขนงย่อย มักมีอาการมืดมัวเพียงบางส่วน รุนแรงไม่มากและมักจะทุเลาได้เอง อย่างไรก็ตาม หากมีอาการตามืดมัวฉับพลันทันที ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมตามสาเหตุที่พบ

3. ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน มักพบว่ามีโรคอื่น ๆ และปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ร่วมด้วย และอาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจตามมา จึงควรทำการรักษาโรคและควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่พบควบคู่กันไป เพื่อป้องกันไม่ให้โรคนี้กำเริบซ้ำ และป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

8
คอนโดติดรถไฟฟ้า ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีลาซาล สเตชั่น (Origin Plug & Play Sri Lasalle Station)
เริ่มต้น 2.59 ลบ.

ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีลาซาล สเตชั่น (Origin Plug & Play Sri Lasalle Station)
พบกับคอนโดมิเนียมห้องพักอาศัยเพดานสูงพิเศษ 4.2 ม. พื้นที่ใช้สอย 22 - 34 ตร.ม. โดดเด่นด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 4,400 ตร.ม. สระว่ายน้ำยาวรวม 50 ม. และเอาใจคนรักสัตว์กับ Pet Club บนทำเลศักยภาพติด ถ.สุขุมวิท 105 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาซาล

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ           ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีลาซาล สเตชั่น (Origin Plug & Play Sri Lasalle Station)
 เจ้าของโครงการ      ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้
 ราคา                    เริ่มต้น 2.59 ลบ.

 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล              คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะกรรมสิทธิ์        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี            1 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี              ตั้งแต่ 22.00 ถึง 34.00 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด              7 ไร่ 3 งาน 37 ตร.ว.
 จำนวนตึก                  1 อาคาร
 จำนวนชั้น                  31 ชั้น
 จำนวนห้อง                1,429 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด          35% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด (รวมจอดแบบซ้อนคัน)
 ค่าบำรุงส่วนกลาง         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน         บางนา, ศรีนครินทร์, เทพารักษ์
 ที่ตั้ง        ถนนสุขุมวิท 105 แขวงบางนา เขตบางนา กทม.

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:           ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง, สถานี(ลาดพร้าว - สำโรง)(ศรีลาซาล)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
Imperial World สำโรง
Seacon Square
Paradise Park
Home Pro ศรีนครินทร์
Lotus’s ศรีนครินทร์
Jas Urban ศรีนครินทร์
Central บางนา
วิทยาลัยดุสิตธานี
โรงเรียนบางกอกพัฒนา
โรงเรียนลาซาล
โรงพยาบาลไทยนครินทร์
โรงพยาบาลศิครินทร์
โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์
โรงพยาบาลพริ้นซ์สุวรรณภูมิ

 ปีที่สร้างเสร็จ
โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

9
รีวิวบ้านใหม่ 2024: ศุภาลัย เบลล่า วงแหวน - รามอินทรา (Supalai Bella Outer Ring Road - Ramindra)

สำหรับรีวิวบ้านรอบนี้ขอพาไปชมบ้านโครงการใหม่ จาก ศุภาลัย ที่มีชื่อโครงการว่า "ศุภาลัย เบลล่า วงแหวน - รามอินทรา (Supalai Bella Outer Ring Road - Ramindra)" มีแบบบ้านให้เลือกได้หลากหลาย ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านรุ่นใหม่ และทาวน์โฮม "แนวคิดใหม่" ที่มาพร้อม "พื้นที่กว้าง" ทำเลดีที่สามารถเชื่อมต่อไปยังใจกลางเมืองได้อย่างสะดวก ด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีบางชัน รถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีมีนบุรี และใกล้ทางด่วนวงแหวนตะวันออก (กาญจนาภิเษก) และพบกับทาวน์โฮมใหม่ล่าสุด แบบศุภสิทธิ์ ที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์ของทาวน์โฮม ด้วยตัวบ้านกว้างถึง 6.6 เมตร ขนาดพื้นที่ใช้สอย 125 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ส่วนรับแขก 2 ที่จอดรถ กับการออกแบบที่ทำให้ทาวน์โฮมมีพื้นที่ส่วนตัว และมีพื้นที่สีเขียวทุกหลัง จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูรายละเอียดของโครงการเพิ่มเติมกันต่อเลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ
เจ้าของโครงการ : บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ : ถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง (ซอย 15) แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 10510
ขนาดพื้นที่โครงการ : 53-2-73 ไร่
จำนวนบ้าน : 440 หลัง
ขนาดพื้นที่ใช้สอย : ตั้งแต่ 113 - 175 ตร.ม.
ปัจจุบันมีแบบบ้านเดี่ยวทั้งหมด 6 แบบ , บ้านเดี่ยว 3 แบบ, บ้านรุ่นใหม่ 1 แบบ และทาวน์โฮม 2 แบบ
สิ่งอำนวยความสะดวก : สวนส่วนกลาง สนามเด็กเล่น คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ และฟิตเนส, ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. เข้า-ออกด้วยระบบ Easy Pass และ CCTV
ราคาเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท

ทำเลที่ตั้ง และการเดินทาง
โครงการตั้งอยู่บนถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง (ซอย 15) แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 10510 เข้า-ออกได้หลายเส้นทางไม่ว่าจะเป็น ถนนรามอินทรา ถนนกาญจนาภิเษก ถนนปัญญาอินทรา ถนนพระยาสุเรนทร์ และถนนหทัยราษฎร์


1. เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางด้วยรถยนต์ สามารถมาได้หลายเส้นทาง ตามตัวอย่างเส้นทางดังต่อไปนี้ค่ะ
ขาเข้าโครงการ เส้นทางที่ 1 จากแยกคู้บอน ผ่านถนนปัญญาอินทรา
จากถนนรามอินทราช่วงแยกคู้บอน ก่อนถึงถนนวงแหวนฯ ให้เตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนปัญญาอินทรา แล้วลอดใต้ถนนวงแหวนฯ ตรงเข้าสู่ถนนปัญญาอินทรา ผ่านสนามกอล์ฟปัญญาอินทรา ตรงมาผ่านสี่แยกลำกะโหลก แล้วโค้งขวาเข้าถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง ตรงไปประมาณ 1.7 กม. เลี้ยวเข้าซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง ซอย 15 ตรงไปประมาณ 450 เมตร จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งขวามือ

ขาเข้าโครงการ เส้นทางที่ 2 จากถนนรามอินทรา เข้าซอยรามอินทรา 117
จากแฟชั่น ไอซ์แลนด์ มุ่งหน้ามีนบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรามอินทรา 117 จากนั้นตรงเข้าไปประมาณ 700 เมตร ให้เลี้ยวขวา ขับตรงไปอีก 1 กม. เลี้ยวซ้าย แล้วตรงต่อไปเรื่อยๆ ประมาณ 2.7 กม. จนผ่านแยกที่มี 7-11 เพื่อเข้าซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง ซอย 15 จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งขวามือ

ขาออกโครงการ เส้นทางที่ 1 ออกจากโครงการเพื่อขึ้นทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์

ขาออกโครงการ เส้นทางที่ 2 ออกจากโครงการไปขึ้นทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก

2. การเดินทางโดยรถไฟฟ้า (โครงการในอนาคต)
เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี
รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี เป็นระบบขนส่งมวลชนสายรองประเภทรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Straddle Monorail) มีลักษณะเป็นโครงสร้างยกระดับตลอดแนวเส้นทางเป็นโครงการรถไฟฟ้าในอนาคต บนถนนรัตนาธิเบศร์บริเวณระหว่าง ศูนย์ราชการนนทบุรีและแยกแคราย ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่ - บางซื่อ) ได้ และสิ้นสุดบริเวณทางแยกร่มเกล้า ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน - มีนบุรี มีกำหนดเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ 2560 ระยะทางรวม 34.5 กม. และมีสถานีจำนวน 30 สถานี โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีบางชัน ตั้งอยู่บริเวณถนนรามอินทรา มีระยะห่างจากสถานีถึงโครงการประมาณ 4.9 กม.


โครงการตั้งอยู่บนถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง (ซอย 15) ห่างจากปากซอยประมาณ 450 เมตร ภายในซอยส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือน ร้านค้าทั่วไปและบริษัท ยังมีผืนที่ดินเปล่าที่มีแพลนพัฒนาในอนาคตด้วยเช่นกัน ช่วงถนนซอยสุเหร่าคลองหนึ่งจะมีความคึกคักขึ้นมา สองข้างทางส่วนใหญ่เต็มไปด้วยร้านค้าหลากหลายชนิดคอยอำนวยความสะดวก มีทั้ง 7-11, Tesco Lotus Express, และ Mini Big C ส่วนที่เจริญไม่แพ้กัน คือ ถนนรามอินทรา 109, ถนนปัญญาอินทรา, และถนนหทัยราษฎร์ที่เชื่อมต่อกัน นอกจากนี้ยังใกล้แหล่งอำนวยความสะดวก อาทิ โรงเรียน โรงพยาบาล Community Mall และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นต้น

มี 7-11 อยู่ตรงสี่แยกหน้าปากซอย 15

บรรยากาศบริเวณถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง ทางเข้าซอย 15 มีร้านขายยา

มีตลาดและร้านขายของมากมาย

รร.สุเหร่าคลองหนึ่ง ห่างจากโครงการประมาณ 700 เมตร

Panya Indra Golfclub ห่างจากโครงการประมาณ 3.9 กม.

Big C สุวินทวงศ์ ห่างจากโครงการประมาณ 4.3 กม.

แม็กซ์แวลู สาขาปัญญาวิลเลจ ห่างจากโครงการประมาณ 4.8 กม.

ปัญญา วิลเลจ  ห่างจากโครงการประมาณ 4.8 กม.

โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ห่างจากโครงการประมาณ 6.6 กม.

Amorini ห่างจากโครงการประมาณ 6.7 กม.

Fashion Island  ห่างจากโครงการประมาณ 8.1 กม.

The Promenade ห่างจากโครงการประมาณ 8.2 กม.

แบบบ้าน และตัวโครงการโดยรวม

โครงการ "ศุภาลัย เบลล่า วงแหวน - รามอินทรา (Supalai Bella Outer Ring Road - Ramindra)" เป็นโครงการบ้านเดี่ยว บ้านรุ่นใหม่ และทาวน์โฮม "แนวคิดใหม่" ตั้งอยู่บนถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง มีบ้านทั้งหมด 440 หลัง แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 40 หลัง บ้านแฝด 80 หลัง และทาวน์โฮม 320 หลัง บนพื้นที่โครงการ 53-2-73 ไร่ ถนนตรงซุ้มประตูทางเข้ากว้าง 14 เมตร ถนนหลักกว้าง 16-9 เมตร ตามลำดับความลึก และถนนภายในซอยกว้าง 9 เมตรมีรั้วรอบโครงการสูงถึง 2.5 เมตร ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง Club house สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนส่วนกลาง และสนามเด็กเล่น (สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดนี้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย) ตั้งอยู่ช่วงด้านหน้าโครงการใกล้กับทางเข้า-ออก

ภาพจากมุมสูงของ ศุภาลัย เบลล่า วงแหวน - รามอินทรา แสดงให้เห็นขอบเขตของโครงการ
ทางเข้าโครงการ คลับเฮ้าส์ สวนส่วนกลาง บ้านตัวอย่าง และ Sales Gallery

ทางเข้าโครงการอยู่ภายในซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง 15 มีป้ายชื่อโครงการขนาดใหญ่ตรงด้านหน้าทางเข้า

ข้างถนนทางเข้าเป็นแนวรั้วต้นไม้ และต้นไม้สูงเพื่อความร่มรื่น ถนนทางเข้ากว้าง 14 เมตร

ตรงเข้ามาเรื่อยๆ จะเห็นซุ้มประตูทางเข้า-ออกโครงการมีขนาดใหญ่สไตล์ Modern 
มีหลังคาบังแดดและกันฝนได้ สะดวกสบายค่ะ

ซุ้มประตูทางเข้า-ออก

ส่วนที่ซุ้มประตูทางเข้า-ออกโครงการมีไม้กั้นกระดก เข้า-ออกด้วยระบบ Easy Pass มี CCTV และมีห้องสำหรับ รปภ.
กั้นตรงกลางระหว่างทางเข้าและทางออก นอกจากนี้ยังมีทางเดินเข้าสำหรับคนเดินเท้าอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ

พอผ่านซุ้มประตูเข้ามา ฝั่งขวามือจะเป็นที่ตั้งของคลับเฮ้าส์ และสระว่ายน้ำ
ในอนาคตมีห้องสำหรับนิติบุคคลไว้ให้ด้วยค่ะ

สะพานข้ามคลองเพื่อเข้าสู่ส่วนที่เป็นที่พักอาศัยและสวนส่วนกลาง

ข้ามสะพานมาฝั่งซ้ายมือจะเห็น Sales Gallery ตั้งอยู่หลังหัวมุมของซอยแรกเลยค่ะ
ถัดจากนั้นเป็นบ้านตัวอย่างแบบบ้านเดี่ยวทั้ง 3 แบบ

โครงการนี้ถนนหลักช่วงแรกกว้าง 16 เมตร ลึกเข้าไปข้างในกว้าง 12 เมตร

ถนนภายในซอยกว้าง 9 เมตร

แบบบ้านพร้อม Floor Plan ของทางโครงการ ปัจจุบันมี 6 แบบ ดังนี้

1. แบบบ้าน ศุภโชติ - ทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 113 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

2. แบบบ้าน ศุภสิทธิ์ - ทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 125 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ทาวน์โฮมที่มีพื้นที่ส่วนตัวที่มากขึ้น ให้คุณอิสระได้มากขึ้น บ้านกว้าง 6.6 เมตร (ช่วงท้ายตัวบ้าน)

3. แบบบ้าน ศุภกัลยา (พิเศษ) - บ้านรุ่นใหม่ (บ้านแฝด) 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 128 ตร.ม. สบายขึ้นด้วยชั้นล่างและห้องนอนที่กว้างขึ้น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ส่วนรับแขก 2 ที่จอดรถ

4. แบบบ้าน ศุภลักขณา - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 150 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

5. แบบบ้าน ศุภดำรง - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 167 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

6. แบบบ้าน ศุภฤทธิ์ - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 175 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ส่วนพักผ่อน และที่จอดรถ 2 คัน

แบบบ้าน ศุภฤทธิ์
แปลนบ้าน ชั้น 1 , แปลนบ้าน ชั้น 2
ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก
Clubhouse ที่มีทั้งสระว่ายน้ำและฟิตเนส
สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ กว้าง 8 เมตร ยาว 20 เมตร ลึก 1 - 1.2 เมตร
สวนสาธารณะส่วนกลาง และสนามเด็กเล่น
รั้วโครงการสูง 2.5 เมตร
ระบบรักษาความปลอดภัย, CCTV, เข้า-ออกระบบ Easy Pass
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.

คลับเฮ้าส์ตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการติดกับซุ้มประตู

สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 8 x 20 เมตร ลึก 1 - 1.2 เมตร

บรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำ

ด้านข้างสระว่ายน้ำเป็นที่ล้างตัวก่อนลงสระ

ห้องฟิตเนส พร้อมเครื่องเล่นมากมาย

ออกกำลังกายไปมองวิวสระว่ายน้ำไปด้วย

แยกห้องน้ำ หญิง ชาย

ภายในห้องน้ำมีห้องน้ำ และห้องอาบน้ำให้ครบ มีตู้ Locker ให้ด้วยค่ะ

สวนส่วนกลางที่มีสนามหญ้า พร้อมต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น

ศาลาพักผ่อนขนาดย่อม

เครื่องเล่นสำหรับเด็ก

มาถึงแบบบ้านภายในโครงการที่เราจะพาทุกท่านมาเยี่ยมชม - รีวิว ในวันนี้ คือ แบบทาวน์โฮม 2 ชั้น ที่มีชื่อว่า ศุภสิทธิ์ มีหน้ากว้าง 5 เมตร มีพื้นที่ใช้สอย 125 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ เป็นทาวน์โฮมที่มีพื้นที่ส่วนตัวที่มากขึ้น ให้คุณอิสระได้มากขึ้น ด้วยบ้านกว้าง 6.6 เมตร (ช่วงท้ายตัวบ้าน) ซึ่งมีทั้งบ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่ง และบ้านเปล่ามาตรฐานที่ใช้ส่งมอบลูกค้ามาให้ชมกันค่ะ

บ้านเปล่ามาตรฐาน

แปลนบ้านทั้งสองชั้น ของทาวน์โฮม ศุภสิทธิ์

สำหรับบ้านแปลงมุมจะมีพื้นที่ด้านข้างบ้านมากกว่าบ้านแบบอื่น

สำหรับบ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่ง และแบบบ้านเปล่า เป็นทาวน์โฮมหลังติดกัน อยู่บล็อคเดียวกัน ตัวทาวน์โฮม
ออกแบบสไตล์โมเดิร์น เน้นสีขาว-เทา ตัดด้วยสีดำและน้ำตาล สำหรับบ้านที่ส่งมอบให้ลูกค้าจะเป็นบ้านเปล่า
ไม่ได้ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ จัดสวนให้เฉพาะบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมแปลงมุม บ้านแต่ละหลังจะมีรั้วปูนกั้นสูงประมาณ 1.50 เมตร ประตูหน้าบ้านเป็นประตูเหล็กบานพับค่ะ

ทาวน์โฮมของที่นี่มีความแตกต่างจากที่อื่น จากรูปจะเห็นว่ามีพื้นที่ช่วงหลังบ้านติดกัน ไม่ได้ติดกันทั้งหมด
เหมือนทาวน์โฮมทั่วไป ทำให้พื้นที่ด้านหลังบ้าน มีความกว้างถึง 6.6 เมตร เลยทีเดียว

ปกติแล้วหน้าบ้านช่วงที่จอดรถกว้าง 5 เมตร เมื่อได้พื้นที่ด้านข้างบ้านที่เพิ่มขึ้นมา 1.6 เมตร ก็ทำให้ความกว้าง
ช่วงหลังบ้านกว้างถึง 6.6 เมตร และยังทำให้บ้านทุกหลังมีพื้นที่สีเขียวด้านข้างบ้านมาด้วย หากเปิดประตูเข้าไป
จะเป็นส่วนของครัวช่วงหลังบ้านพอดี

บ้านมีหน้ากว้าง 5 เมตร จอดรถได้ 2 คัน พื้นจอดรถจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กขัดหยาบลาดยาวจนถึงประตูรั้วบ้าน
ไฟด้านหน้าเป็นไฟดาวน์ไลท์ มีห้องเก็บของขนาดใหญ่พร้อมประตูให้เรียบร้อย

ประตูทางเข้าหลักเป็นบานเลื่อนคู่ เปิดได้กว้าง ขนของเข้า-ออกได้สะดวก พร้อมตัวล็อค 2 ชั้น กรอบประตู UPVC
และกระจกเขียวตัดแสงทั้งหลัง

เฉลียงหน้าบ้านยกสเต็ปให้ 1 ขั้น สูงขึ้นมาจากพื้นที่จอดรถเล็กน้อย ปูด้วยกระเบื้องและทรายล้าง

เปิดประตูเข้ามาจะเห็น โถงด้านล่างยาวไปจนสุดผนังด้านหลัง พื้นชั้นล่างปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม.
ฝ้าเป็นฝ้าเรียบ ไฟด้านล่างเป็นไฟดาวน์ไลท์ มีความสูงจากพื้นถึงเพดานถึง 2.6 เมตร
ฟังก์ชันบ้านชั้น 1 ซ้ายมือ คือ ครัว ฝั่งขวามือมีทางขึ้นชั้น 2 และห้องน้ำ

โซนด้านหลังจะเป็นพื้นที่สำหรับทำครัว มีความกว้างถึง 6.6 เมตร มีประตูเปิดออกไปด้านข้างบ้านได้

ประตู UPVC เปิดออกไปด้านข้างบ้าน หรือเข้าบ้านผ่านประตูนี้ก็ได้เหมือนกัน

ตรงข้ามกับครัว คือห้องน้ำ และบันไดทางขึ้นชั้น 2

มาดูห้องน้ำชั้น 1 มีให้ครบทั้งโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือ ก๊อกน้ำ และฝักบัวอาบน้ำ ของ COTTO ไม่ได้แยกส่วนเปียก/แห้งให้
พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้อง และมีหน้าต่างบานกระทุ้งระบายอากาศและความชื้น 1 บาน และโคมไฟประหยัดพลังงาน

ประตูบานเลื่อนด้านหลังเปิดออกไปลานซักล้างได้ มีตัวล็อค 2 ชั้น เหมือนประตูทางเข้าหน้าบ้านค่ะ

พื้นลานซักล้าง บ้านเปล่ามาตรฐานที่ส่งมอบลูกค้าจะเทคอนกรีตเสริมเหล็กขัดเรียบลาดยาวให้ มีท่อน้ำดี
น้ำทิ้งให้เรียบร้อย

รั้วหลังบ้านสูงประมาณ 1.5 เมตร

มาดูบันไดทางขึ้นชั้น 2 กันค่ะ บันไดที่นี่เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นบันไดไม้ยางพารา
อัดประสาน มีชานพักให้จุดแรกแบบเหลี่ยม จุดที่สองเป็นแบบสามเหลี่ยม

บนชั้น 2 จะพบฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นปูลามิเนตหนา 8 มม.
มีความสูงจากพื้นถึงเพดาน ถึง 2.6 เมตร

Master Bedroom วางตัวอยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน กินพื้นที่ตามความกว้างของหน้าบ้านเลยค่ะ
มีหน้าต่างบานกระทุ้งให้ 1 บาน ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ตามที่เห็นในรูป และมีระเบียงส่วนตัวให้ด้วย

ประตูบานเลื่อนคู่เปิดออกไประเบียงได้

ระเบียงส่วนตัว มีราวเหล็กกันตกสีดำให้ด้วย พร้อมทำระแนงบังไว้เพื่อความสวยงามหากจะวางคอมเพรสเซอร์แอร์ค่ะ

ปูพื้นด้วยกระเบื้อง

กลับเข้ามาดูภายในห้องนอนจะเห็นว่ามีประตูทางเข้าห้องน้ำจากภายในให้ด้วย

ติดกับ Master Bedroom คือห้องน้ำค่ะ ห้องน้ำชั้นนี้ใช้แชร์กันระหว่างห้องนอนทั้ง 3 ห้อง มีขนาดพอเหมาะ ให้สุขภัณฑ์
มาครบ ทั้งอ่างล้างมือ กระจก โถสุขภัณฑ์ และฝักบัว ของ COTTO พื้นส่วนเปียกลดระดับลงเล็กน้อย มีบานกระทุ้ง
เปิดระบายอากาศ 1 บาน เพื่อระบายความชื้นภายในห้องน้ำ

มีประตูเปิดเข้า-ออกได้ทั้งจากห้องนอนใหญ่ และโถงชั้น 2

ห้องที่เหลือคือ ห้องนอน 2 และห้องนอน 3 ซึ่งด้านหน้าห้องมีโถงขนาดเล็กอยู่

มีหน้าต่างบานกระทุ้งและกระจกบาน Fix สำหรับรับแสงและระบายอากาศ

ห้องนอน 2 มีหน้าต่างบานเลื่อนด้านหลังให้ 1 บาน

และภายในห้องยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้ด้วย

ติดกับห้องนอน 2 เป็นห้องนอน 3 ค่ะ สองห้องมีขนาดห้องพอๆ กัน มีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ 1 บาน
บ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่ง

ชมบ้านเปล่ามาตรฐานไปแล้ว เดี๋ยวเรามาชมบ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่งในแบบเดียวกันต่อค่ะ ทางโครงการตกแต่งมาเพื่อเป็นไอเดียให้ท่านเจ้าของบ้านได้แต่งตาม จะเห็นว่าการจัดวางผังห้องอยู่คนละฝั่งกัน แต่มีฟังก์ชันการใช้งาน เหมือนกับบ้านเปล่าที่ชมมาเมื่อสักครู่นี้ทุกอย่าง มีหน้ากว้าง 5 เมตร จอดรถได้ 2 คันค่ะ

ประตูบานเลื่อนพร้อมมือจับ และตัวล็อค

เมื่อเปิดประตูเข้ามาข้างในตัวบ้าน ตัวบ้านมุมมองตรงๆ จากรูปจะเห็นฟังก์ชันชั้น 1 ครบเลย
ส่วนแรกถูกจัดเป็นส่วนพักผ่อนรับแขก

ส่วนรับแขกจัดวางอยู่ด้านหน้า สามารถวางโซฟาขนาด 3-4 ที่ และเก้าอี้เดี่ยวแบบนี้ หรือสามารถปรับเป็นโซฟา
รับแขกตัว L ก็ได้ ด้านหลังโซฟาจะเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง (มีให้เฉพาะแปลงมุม) เปิดรับลมระบายอากาศ
หรือเปิดรับแสงธรรมชาติก็ได้

ฝั่งตรงข้ามโซฟารับแขก เป็นพื้นที่สำหรับจัดวางทีวี หรือตกแต่งเป็นชั้นวางของก็ได้ พื้นที่กว้างที่เดียว

ถ่ายย้อนกลับไปด้านหน้าทางเข้าบ้าน

พื้นที่สำหรับจัดวางโต๊ะรับประทานอาหาร

สามารถวางโต๊ะได้ 4 ที่พอดี

ถัดจากโต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นครัว ซึ่งพื้นที่ครัวส่วนนี้เพิ่มขึ้นมาจากความกว้างปกติของบ้าน 1.6 เมตร
ทำให้พื้นที่ด้านหลังนี้กว้างมากถึง 6.6 เมตรเลยค่ะ

ครัวที่นี่สามารถต่อเติมเพิ่มตรงข้างบ้านได้นะคะ เพราะบ้านที่นี่สร้างแบบก่ออิฐมวลเบา ต่อเติมได้ไม่เสียโครงการ
หรือจะติดตั้งประตูกั้นเป็นครัวปิดก็ได้เหมือนกัน

ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่เปิดออกไปลานซักล้างหลังบ้าน

เจ้าของบ้านสามารถปรับพื้นที่ส่วนนี้ตามใจชอบได้เลย

กลับเข้ามาดูด้านในบ้านกันต่อ ตรงข้ามกับครัวคือห้องน้ำ

ห้องน้ำชั้น 1 ให้สุขภัณฑ์มาครบเหมือนกับบ้านตัวอย่าง

บันไดทางขึ้นชั้น 2 อยู่ติดกับห้องน้ำ มีชานพัก 2 จุด

ฟังก์ชันของชั้น 2 เหมือนกันกับบ้านเปล่าที่เราพาไปชมมาแล้ว

ช่วงโถงชั้นสองจะมีพื้นที่พอให้วางเก้าอี้นั่งพัก หรือสามารถวางตู้โชว์ส่วนนี้ก็ได้

พาไปชมห้องนอน 2 และห้องนอน 3 กันก่อน

ห้องนอน 3 ทางโครงการตกแต่งเป็นห้องทำงาน แต่หากบ้านไหนมีสมาชิกหลายคนก็ปรับเป็นห้องนอนได้
วางเตียง วางตู้ และโต๊ะเครื่องแป้งได้พอดี

พื้นที่ห้องยังเหลือพอสมควรเลยค่ะ

ติดกันคือห้องนอน 2 ขนาดห้องพอๆ กัน สามารถวางเตียง ตู้ และโต๊ะอ่านหนังสือได้พอดี
มีหน้าต่างบานเลื่อน 1 บาน

ฝั่งนี้มีหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน

อีกสองห้องที่เหลือ คือห้องน้ำ และ Master Bedroom

ห้องน้ำของบ้านหลังนี้วางตัวอยู่ตรงกลางบ้าน มีสุขภัณฑ์ให้ครบของ COTTO

เข้า-ออกได้ 2 ด้าน

Master Bedroom ห้องนี้จะวางตัวอยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน กินพื้นที่เท่ากับความกว้าง
ของบ้าน สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ และโต๊ะเครื่องแป้งได้ และยังมีประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่
เพื่อเปิดออกไปยังระเบียงห้องได้อีกด้วย

จัดวางเตียงขนาดใหญ่แล้ว ยังมีพื้นที่เหลือพอวางโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง

พื้นที่ปลายเตียงจะจัดวางตู้เสื้อผ้า โต๊ะวางทีวี และโต๊ะเครื่องแป้งได้พอดี

ประตูบานเลื่อนพร้อมตัวล็อค 2 ชั้น เปิดออกไประเบียงได้ค่ะ

มีระเบียงส่วนตัวเปิดออกไปชมวิวหน้าบ้าน หรือจะปลูกไม้กระถางเพื่อความสวยงามก็ได้ค่ะ

ราคาเริ่ม 2.39 ล้านบาท* (Pre-Sales)

10

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ







11
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


12
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส ทำอะไรได้บ้าง

การจัดฟันแบบใส ถือว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแลผไปจนถึงการรักษาเสร็จสิ้น ซึ่งการจัดฟันแบบใสมีข้อดีและข้อแตกต่างก็คือ เป็นการจัดฟันที่แทบจะไม่สามารถมองเห็นเครื่องมือการจัดฟันและทำให้คนอื่นมองแทบไม่ออกว่า กำลังเข้ารับการจัดฟันอยู่ แถมยังถูกสุขอนามัยด้านทันตกรรม ซึ่งใช้นวัตกรรมเพื่อจัดฟันอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย นอกจากนี้ เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ยังเป็นเครื่องมือจัดฟันที่ทำมาจากพลาสติกที่ผิวสัมผัสเรียบ พิเศษกว่าการจัดฟันแบบใส่เหล็กจัดฟัน


นั่นก็คือ เครื่องมือการจัดฟันมีความใสจนแทบมองไม่เห็น สบายกว่าไม่ระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในปาก สามารถถอดออกง่าย สวมใส่สบาย และสามารถถอดออกได้เวลารับประทานอาหารหรือแปรงฟัน ทั้งนี้ เป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล โดยการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ช่วยในการผลิตชุดของเครื่องมือจัดฟัน โดยแต่ละชุดจะค่อยๆจัดเรียงฟันของผู้เขารับการจัดฟันให้เคลื่อนไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์จัดฟันได้กำหนดไว้ในแผนการรักษาอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับใครทีสนใจอยากจะเข้ารับการจัดฟันแบบใส แต่ยังไม่ทราบว่า การจัดฟันแบบใสนั้น มีข้อดีอย่างไร และสามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันในเรื่องใดได้บ้าง


วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงการจัดฟันแบบใส ที่เป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่นำมาช่วยในการแก้ไขปัญหาฟัน สามารถทำอะไรได้บ้าง ในการเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นฟันบนยื่น ฟันล่างยื่น ฟันสบไขว้ หรือแม้กระทั่งฟันห่าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ที่มีปัญหา ทำให้ไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ ทำให้ทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดีเท่าที่ควร 


ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะทำให้ผู้ที่มีปัญหาฟัน ยิ่งเกิดปัญหารุนแรงเข้าไปอีก ทั้งปัญหาทางด้านช่องปากและฟัน เนื่องจากทำความสะอาดฟันได้ไม่สะอาด หรือสุขภาพร่างกายที่ไม่สามารถบดเตี้ยวอาหารได้ละเอียด ดังนั้น การเข้ารับการจัดฟันแบบใส จึงเป้นอีกหนึ่งทางออกที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความแม่นยำมาก เพราะนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้แล้ว  เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ยังช่วยทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถเห็นผลการรักษาล่วงหน้าได้ และยังสามารถวางแผนการรักษาร่วมกับทันตแพทย์ได้ด้วย


ซึ่งในข้อนี้จึงทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถออกแบบรอยยิ้มให้ตัวเองได้ ถือว่าตอบโจทย์มากเลยทีเดียว นอกจากนี้ ระยะเวลาในการรักษาของด้วยการจัดฟันแบบใส ยังช่วยให้ผู้เขารับการรักษาเห็นภาพทุกขั้นตอนของการรักษา ทำให้ได้เห็นภาพของระยะเวลาในการรักษาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนการจัดฟันแบบสวมใส่เหล็กจัดฟัน อาจจะทำให้ทราบระยะเวลาในการรักษาโดยประมาณในตอนช่วงเริ่มต้นของการรักษาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การเข้ารับการจัดฟันแบบใส ถึงแม้ว่าจะมีผลการรักษาที่แม่นยำ แต่ผู้เข้ารับการรักษาก็ควรมีระเบียบวินัยในการสวมใส่เครื่องมือด้วย เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ทันตแพทย์วางไว้


หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการรักษาทางทันตกรรม และมีประสบการณ์ในด้านการจัดฟันมาอย่างยาวนาน จึงสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ ทางคลินิกของเรา ยังได้รับการรับรองสูงสุดจากทาง  Invisalign ให้สามารถให้บริการด้านการจัดฟันแบบใสได้อย่างถูกต้อง และมีมาตรฐานตามหลักสากล จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อคุณเข้ารับการรักษาที่ทางคลินิกแน่นอนว่า คุณจะมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

13
หมอออนไลน์: รากประสาทถูกกด (Spinal nerve root compression) / หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน (Herniated disk)

รากประสาทถูกกด หมายถึง การที่มีสิ่งผิดปกติหรือพยาธิสภาพที่รบกวนหรือกดถูกรากประสาทของเส้นประสาทสันหลัง ถ้าเกิดที่ระดับคอ ทำให้มีอาการปวดร้าว เสียว ๆ แปลบ ๆ หรือรู้สึกชาลงมาที่แขนและมือ (ดู "กระดูกคองอกกดรากประสาท")

ถ้าเกิดที่ระดับเอว ทำให้มีการกดถูกรากประสาทไซแอติก (sciatic nerve) มีอาการปวดหลังร่วมกับอาการปวดร้าว เสียว ๆ แปลบ ๆ หรือรู้สึกชาลงมาที่ขา เรียกว่า อาการปวดตามประสาทขาหรือประสาทไซแอติก (sciatica) ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุได้หลายประการ ที่พบบ่อยได้แก่ หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน (herniated disk) และ โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ ส่วนสาเหตุอื่นที่พบได้ไม่บ่อยนัก เช่น วัณโรคกระดูกสันหลัง เนื้องอกไขสันหลัง มะเร็งที่แพร่กระจายจากที่อื่น อุบัติเหตุ เป็นต้น

ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน และโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ


สาเหตุ

หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน* พบได้ในช่วงอายุ 20-60 ปี แต่พบได้น้อยมากในคนอายุมากกว่า 60 ปี เกิดจากหมอนรองกระดูกที่เสื่อมตามอายุมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อเส้นใยชั้นเปลือกนอก ปล่อยให้เนื้อเยื่อกระดูกอ่อนตรงกลางซึ่งมีลักษณะคล้ายวุ้นแตก (rupture) หรือเลื่อน (herniation) ออกมากดทับรากประสาท และเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบ ๆ รากประสาท ทำให้เกิดอาการของโรคนี้ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยไม่มีประวัติการบาดเจ็บชัดเจน อาจเกิดจากแรงกระทบเพียงเล็กน้อยจากการทำกิจวัตรประจำวัน หรือจากอิริยาบถที่ไม่เหมาะสม ส่วนน้อยเกิดหลังจากได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน เล่นกีฬา อุบัติเหตุ ยกหรือเข็นของหนัก

ผู้ที่เป็นเบาหวานหรือสูบบุหรี่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้มากขึ้น เนื่องจากมีออกซิเจนในเลือดไปเลี้ยงหมอนรองกระดูกน้อยลง จึงเสื่อมได้ง่ายขึ้น ส่วนผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือทำอาชีพที่ต้องเข็นหรือยกของหนัก ก็เสี่ยงต่อการเกิดแรงกระทบต่อหมอนรองกระดูกทำให้เกิดโรคนี้ได้มากขึ้น

โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ เริ่มพบได้ตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป และพบมากในคนอายุมากกว่า 60 ปี ส่วนใหญ่เกิดจากกระดูกสันหลังเสื่อมตามอายุ ทำให้ผิวข้อกระดูกสันหลังมีหินปูนหรือปุ่มงอก (osteophytes) เกาะโดยรอบ และมีการหนาตัวของเอ็นรอบ ๆ โพรงกระดูกสันหลัง (spinal canal) ทำให้มีการตีบแคบของโพรงกระดูกสันหลัง ซึ่งค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละน้อย ใช้เวลานานเป็นแรมปีหรือหลายปี จนในที่สุดเกิดการกดทับรากประสาทที่แยกออกจากไขสันหลังผ่านโพรงดังกล่าว และบีบรัดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงรากประสาททำให้เกิดอาการของโรคนี้

*หมอนรองกระดูกสันหลัง (intervertebral disk) เป็นกระดูกอ่อนที่คั่นอยู่ระหว่างข้อต่อของกระดูกสันหลังทุกข้อ ทำหน้าที่ลดแรงกระแทกต่อกระดูกสันหลัง และช่วยให้สันหลังมีความยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหว ประกอบด้วยเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนลักษณะคล้ายวุ้นอยู่ตรงกลาง (เรียกว่า nucleus propulsus) โดยมีเนื้อเยื่อเส้นใยห่อหุ้มอยู่ชั้นเปลือกนอก (เรียกว่า annulus fibrosus)

เมื่ออายุมากขึ้นปริมาณน้ำภายในหมอนรองกระดูกจะลดลง เมื่ออายุมากกว่า 20 ปี หมอนรองกระดูกก็เริ่มเสื่อมมากขึ้นเรื่อย ๆ และเปราะง่ายขึ้น เมื่อมีแรงกระทบต่อหมอนรองกระดูก เนื้อเยื่อเส้นใยชั้นนอกมีโอกาสฉีกขาด ปล่อยให้เนื้อเยื่อกระดูกอ่อนที่อยู่ตรงกลางแตกหรือเลื่อนออกมาข้างนอก และอาจกดถูกรากประสาทหรือไขสันหลัง แต่เมื่ออายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป เนื้อเยื่อกระดูกอ่อนจะเริ่มแข็งตัว การไหลเลื่อนออกมาข้างนอกเกิดได้น้อยลง ดังนั้น โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนจึงพบได้น้อยในคนอายุมากกว่า 60 ปี


อาการ

หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ขึ้นกับตำแหน่งของหมอนรองกระดูกที่เคลื่อนและเส้นประสาทที่ถูกกด ส่วนใหญ่พบที่หมอนรองกระดูกบริเวณเอว (พบบ่อยในกลุ่มอายุ 35-45 ปี) ส่วนน้อยพบที่บริเวณคอ (พบบ่อยในกลุ่มอายุ 40-50 ปี) อาจมีอาการเกิดขึ้นฉับพลันรุนแรง หรือค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละน้อยก็ได้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีประวัติเกิดอาการหลังได้รับบาดเจ็บหรือยกของหนัก แต่ส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่ามีเหตุกำเริบจากอะไร

ในรายที่หมอนรองกระดูกสันหลังส่วนเอวเคลื่อน จะมีอาการปวดตรงกระเบนเหน็บ ซึ่งจะปวดร้าว เสียว ๆ แปลบ ๆ และชาจากบริเวณแก้มก้นลงมาถึงน่องหรือปลายเท้า อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเวลามีการเคลื่อนไหว เวลาก้ม นั่ง ไอ จาม หัวเราะ หรือเบ่งถ่าย ในรายที่เป็นมากเท้าจะไม่ค่อยมีแรงและชา อาจถ่ายอุจจาระปัสสาวะไม่ได้ หรือกลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่อยู่

มักพบเป็นเพียงข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น นอกจากในรายที่เป็นมากอาจมีอาการทั้ง 2 ข้าง

ในรายที่หมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอเคลื่อน จะมีอาการปวดบริเวณต้นคอ ปวดร้าว เสียว ๆ แปลบ ๆ และชาลงมาที่ไหล่ แขน และปลายมือ

มักมีอาการเวลาแหงนคอไปด้านหลัง หรือหันศีรษะไปข้างที่เป็น ถ้าเป็นมากแขนและมืออาจมีอาการอ่อนแรง

โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ ในระยะแรก ๆ จะไม่มีอาการแสดง อาจตรวจพบโดยบังเอิญจากการถ่ายภาพรังสีกระดูกสันหลัง ต่อเมื่อโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบมากขึ้นจนกดทับรากประสาท จึงจะมีอาการปวดหลังและร้าวลงมาที่ขาขณะวิ่ง ยืนนาน ๆ หรือเดินไกล ๆ ในรายที่เป็นมากแม้แต่เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็จะรู้สึกปวดน่องจนต้องนั่งพัก หรือหยุดเดินสักครู่ อาการปวดจึงจะทุเลาและสามารถเดินต่อไปได้ แต่ต้องคอยหยุดพักเป็นช่วง ๆ* อาการปวดมักเป็นเพียงข้างเดียว แต่ก็อาจพบเป็นทั้ง 2 ข้าง

อาการปวดมักจะทุเลาเวลานั่งหรือก้มตัวไปข้างหน้า หรือขณะเดินขึ้นเนินหรือที่ลาด (ในท่าโน้มหรือก้มตัวไปข้างหน้า ทำให้โพรงกระดูกสันหลังขยาย ลดการกดรากประสาท แต่ในท่าแอ่นตัวไปข้างหลัง เช่น ยืนแอ่นตัวเดินลงเนินหรือที่ลาดจะทำให้โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบมากขึ้น)

บางรายอาจมีอาการเป็นตะคริวที่ขาตอนกลางคืนร่วมด้วย

ในรายที่เป็นมาก มักมีอาการเสียว ๆ แปลบ ๆ และชาจากแก้มก้นลงมาที่น่องหรือปลายเท้า เท้าอ่อนแรง ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ และอาจมีอาการเดินโคลงเคลง ทรงตัวผิดปกติ 

*อาการปวดขาในลักษณะดังกล่าว คล้ายอาการปวดขาเป็นระยะจากการขาดเลือด (intermittent claudication) ซึ่งพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงขาตีบ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ผู้สูงอายุ ซึ่งมักจะคลำพบชีพจรหลังเท้าเต้นเบากว่าปกติ ส่วนอาการปวดน่องเวลาเดินที่พบในโรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบไม่ได้เกิดจากหลอดเลือดแดงขาตีบ เพียงแต่แสดงอาการคล้ายกัน จึงเรียกว่า "Pseudoclaudication" หรือ "Neurogenic intermittent claudication"

ภาวะแทรกซ้อน
ถ้าปล่อยให้รากประสาทถูกกดรุนแรงอาจทำให้ขาชา เป็นแผลติดเชื้อง่าย กล้ามเนื้อขาลีบ ขาอ่อนแรง เดินลำบาก ถ่ายอุจจาระปัสสาวะไม่ได้ หรือกลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่ได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในรายที่มีการกดรากประสาทขาหรือประสาทไซแอติก สามารถทำการตรวจวินิจฉัยโดย

1. ให้ผู้ป่วยนอนหงาย แล้วจับเท้าข้างที่สงสัยค่อย ๆ ยกขึ้นโดยให้หัวเข่าเหยียดตรง จะพบว่าผู้ป่วยไม่สามารถยกเท้าเหยียดตรงได้ 90 องศาเช่นคนปกติ หรือได้น้อยกว่าเท้าอีกข้างหนึ่ง เพราะรู้สึกปวดเสียวตามหลังเท้าจนทนไม่ได้ วิธีนี้เรียกว่าการทดสอบเหยียดขาตรงตั้งฉาก (straight leg raising test/SLRT)

2. ใช้เข็มจิ้มเบา ๆ ที่หลังเท้าและน่อง ในรายที่เป็นมากจะรู้สึกเจ็บน้อยกว่าอีกข้างหนึ่ง

3. ให้ผู้ป่วยออกแรงเหยียดหัวแม่เท้าขึ้นต้านแรงกดของนิ้วมือผู้ตรวจ ในรายที่เป็นมากจะพบว่ามีแรงอ่อนกว่าหัวแม่เท้าข้างที่ปกติ

4. การตรวจรีเฟล็กซ์ของข้อเข่าและข้อเท้า (tendon reflex) จะพบว่าน้อยกว่าปกติ

ในรายที่มีการกดทับรากประสาทในบริเวณคอ ในระยะแรกอาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน ในระยะที่เป็นมากอาจพบกล้ามเนื้อแขนมีอาการชาและอ่อนแรง รีเฟล็กซ์ของข้อศอกและข้อมือน้อยกว่าปกติ

สำหรับโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ ในระยะแรกมักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน

ผู้ป่วยส่วนน้อยที่การทดสอบเหยียดขาตรงตั้งฉากพบว่าผิดปกติ

ในรายที่เป็นมากแล้ว ก็อาจตรวจพบอาการชาที่หลังเท้าและน่อง รีเฟล็กซ์ของข้อเข่าและข้อเท้าน้อยกว่าปกติ หัวแม่เท้าอ่อนแรง

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการเอกซเรย์กระดูกสันหลัง ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ถ้าจำเป็นอาจต้องทำการถ่ายภาพรังสีไขสันหลังโดยการฉีดสารทึบรังสี (myelography)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้             

ในระยะแรก แพทย์จะให้การรักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัดก่อน ได้แก่ การให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน, ไดโคลฟีแนก, นาโพรเซน) เป็นหลัก ซึ่งนอกจากช่วยบรรเทาปวดแล้ว ยังลดการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบ ๆ รากประสาท ทำให้อาการทุเลาได้

ในรายที่มีอาการเกิดขึ้นฉับพลันและปวดรุนแรง แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยนอนพักในท่านอนหงายบนที่นอนแข็งตลอดเวลา (ลุกเฉพาะกินอาหารและเข้าห้องน้ำ) 1-2 วัน จะช่วยให้อาการทุเลาได้เร็ว ไม่ควรนอนติดต่อนานหลายวัน อาจทำให้กล้ามเนื้อหลังอ่อนแอ

บางรายแพทย์อาจให้การรักษาทางกายภาพบำบัด (เช่น ประคบด้วยความเย็นและความร้อน ใช้น้ำหนักถ่วงดึง) กระตุ้นปลายประสาทด้วยไฟฟ้า (TENS) การฝังเข็ม เป็นต้น

บางรายแพทย์อาจให้ผู้ป่วยใส่ "เสื้อเหล็ก" หรือ "ปลอกคอ"

ในรายที่มีอาการปวดมาก และไม่สามารถบรรเทาด้วยยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์และยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล แพทย์อาจพิจารณาให้ยาแก้ปวดที่แรงขึ้น เช่น โคเดอีน (codeine) กาบาเพนทิน (gabapentin) เป็นต้น บางรายอาจให้เพร็ดนิโซโลน หรือฉีดสเตียรอยด์เข้าบริเวณเนื้อเยื่อรอบ ๆ รากประสาทที่อักเสบเพื่อลดการอักเสบ

ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงอิริยาบถและกิจกรรมที่ทำให้อาการปวดกำเริบ บริหารกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้องตามคำแนะนำของแพทย์ ลดน้ำหนักถ้าน้ำหนักเกิน

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักจะหายปวดและกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติ

สำหรับหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนที่ไม่รุนแรง อาการมักจะดีขึ้นภายใน 4-6 สัปดาห์ เนื่องจากหมอนรองกระดูกที่ไหลเลื่อนออกมาข้างนอก มักจะยุบตัวลงจนลดแรงกดต่อรากประสาทไปได้เอง

ในรายที่ให้การรักษาด้วยยาและกายภาพบำบัด 3-6 เดือนแล้วไม่ได้ผล ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ หรือมีภาวะแทรกซ้อน (เช่น กล้ามเนื้อลีบหรืออ่อนแรง มีอาการชามาก ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้) ก็อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด เพื่อปลดเปลื้องการกดรากประสาท และอาจเชื่อมข้อต่อกระดูกสันหลังให้แข็งแรงในรายที่มีการเลื่อนของกระดูกสันหลัง (spondylolisthesis) การผ่าตัดมีอยู่หลายวิธี รวมทั้งวิธีใช้กล้องส่อง (laparoscopic surgery)

สำหรับโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ ในปัจจุบันมีวิธีผ่าตัดขยายโพรงกระดูกสันหลังโดยการส่องกล้องจุลทรรศน์ (microlumbar decompression) ซึ่งได้ผลดีและมีความปลอดภัยมากขึ้น

โดยทั่วไปผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดมีประมาณร้อยละ 10-20 ซึ่งส่วนใหญ่มักจะได้ผลดี แต่มีประมาณร้อยละ 10 ที่อาจมีอาการปวดเรื้อรังต่อไป ในรายที่เกิดภาวะแทรกซ้อนอยู่นานก่อนผ่าตัด อาการก็อาจไม่ดีขึ้นหลังผ่าตัด

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดหลังร่วมกับปวดร้าวลงขาแบบเสียว ๆ ชา หรือมีอาการปวดน่องเวลาเดินไปสักพัก จนต้องหยุดเดินเป็นพัก ๆ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นรากประสาทถูกกด หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน หรือโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงอิริยาบถและกิจกรรมที่ทำให้อาการปวดกำเริบ ปรับท่าทางในการทำงานและการขับรถให้เหมาะสม
    หมั่นบริหารกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้องให้แข็งแรงด้วยท่าบริหารที่แพทย์แนะนำ
    ลดน้ำหนัก
    ขณะที่มีอาการปวดให้นอนหงายบนที่นอนแข็ง กินยาบรรเทาปวด และใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระดำ ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การป้องกัน

1. หมั่นออกกำลังกาย (เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน) และบริหารกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้องให้แข็งแรง

2. ระวังรักษาอิริยาบถ (ท่านอน ท่านั่ง ท่ายืน ท่ายกของ) ให้ถูกต้อง

3. หลีกเลี่ยงการยกของหนัก เข็นของหนัก การนอนที่นอนที่นุ่มเกินไป

4. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

5. ไม่สูบบุหรี่ (อาจทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมเร็ว)

ข้อแนะนำ

1. หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนและโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ มีอาการปวดหลังและปวดร้าวลงมาที่ขาเหมือนกัน ต่างกันที่อันแรกจะพบในกลุ่มคนที่อายุน้อยกว่า และมักจะปวดมากขึ้นเวลาก้มหรือนั่ง แต่อันหลังมักจะพบในผู้สูงอายุ มีอาการปวดน่องเป็นระยะเวลาเดิน และมักจะทุเลาปวดเวลาก้มหรือนั่ง การวินิจฉัยที่แน่ชัดต้องอาศัยการถ่ายภาพด้วยรังสีหรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 โรคนี้มีแนวทางการรักษาเหมือนกัน และส่วนใหญ่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีไม่ผ่าตัด

2. ทั้ง 2 โรคนี้ถ้าเป็นในระยะแรกเริ่มและไม่รุนแรง การใช้ยาบรรเทาปวดและลดอักเสบ หลีกเลี่ยงอิริยาบถและกิจกรรมที่ทำให้อาการกำเริบ อาการก็มักจะหายได้ภายใน 4-6 สัปดาห์

3. ผู้ป่วยที่มีอาการแขนหรือขาชาและอ่อนแรง 1-2 ข้าง ซึ่งมีอาการค่อย ๆ เป็นมากขึ้นทีละน้อย (อาจมีอาการปวดคอหรือหลังร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้) ในเวลาเป็นสัปดาห์ ๆ หรือแรมเดือน ควรตรวจสาเหตุด้วยการถ่ายภาพรังสีหรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อาจเกิดจากเนื้องอกไขสันหลัง หรือมีก้อนมะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปอดหรือมะเร็งเต้านมแพร่กระจายไปกดถูกเส้นประสาทสันหลังก็ได้

14
10 พิกัด ทำบุญ ไหว้ของาน เสริมความปัง ให้สมหวัง

สายมู ตามมาทางนี้เร็ววว เพราะเราต้องไปไหว้ขอพร เสริมความปังกัน! ใครที่กำลังอยากให้การเริ่มต้นสุดปัง โดยเฉพาะเรื่องงาน มาถูกทางแล้ว เพราะได้รวม 10 พิกัดไหว้ของาน มาให้แล้ว จะย้ายงาน เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ได้หมดเลย มาดูพิกัดกันเลย


เช็คพิกัด ไหว้ของาน เสริมดวงให้ปัง ที่เที่ยวสายมู

1. เทวาลัยพระพิฆเนศห้วยขวาง

 เทวาลัยพระพิฆเนศห้วยขวาง แห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นพิกัดของสายบุญ สายมู เลยค่ะ เพราะคนส่วนใหญ่นิยมมากราบไหว้สักการะ องค์พระพิฆเณศปางยืนประทานพร เพื่อขอความเจริญรุ่งเรืองในเรื่องต่างๆ กัน ทั้ง การเรียน การงาน ครอบครัว ความรัก ไปจนถึงเรื่องสุขภาพต่างๆ นอกจากนี้ก็ยังมีองค์เทพอื่นๆ ทั้ง พระราหู พระตรีมูรติ พระศิวะและ พระแม่อุมาเทวี รวมถึงยังมีชุมชนดูดวง หลากหลายเจ้ามากๆ เรียกได้ว่ามาครบจบที่เดียวได้เลย

    ที่ตั้ง : สี่แยกห้วยขวาง ถนนรัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 12.00-24.00 น.


2. ท้าวมหาพรหมเอราวัณ

ท้าวมหาพรหมเอราวัณ เป็นที่ตั้งของ ท้าวมหาพรหม หนึ่งในสามเทพสูงสุดซึ่งเป็นผู้สร้างทุกๆ สิ่ง และเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่จะดลบันดาลทุกอย่างให้เป็นไปได้ด้วยดีตามที่ปรารถนาค่ะ คนส่วนใหญ่ก็เลยจะนิยมมาไหว้ขอพรให้สมหวังในเรื่องต่างๆ กัน โดยเฉพาะการขอพรในเรื่องของการงาน การเรียน ธุรกิจต่างๆ ซึ่งก็ได้มีทั้งนักธุรกิจใหญ่ของจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง บินมากราบไหว้กันเลยทีเดียวค่ะ

    ที่อยู่ : ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-22.00 น.


3. ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร

ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ใกล้ๆ กับ กระทรวงกลาโหม เป็นศาลที่สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีนั่นเองค่ะ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองที่จะสร้างขึ้น ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่อย่างยาวนานเลย ยิ่งในช่วงขึ้นปีใหม่คนส่วนใหญ่เลยนิยมไปไหว้เสริมสิริมงคลกัน ไปจนถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ อย่าง ศาลเทพารักษ์ เจ้าหอกลอง และอาคารหอพระพุทธรูป ก็ต้องไปสักการะเช่นเดียวกัน

    ที่อยู่ : ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ถนนหลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 06.30-18.30 น. (เปิดให้เข้าชมตลอดคืนในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีน)


4. ศาลเจ้าพ่อเสือ เสาชิงช้า

ศาลเจ้าพ่อเสือ เสาชิงช้า หรือ ศาลตั่วเหล่าเอี้ย เป็นศาลเจ้าจีนสายลัทธิเต๋าที่เก่าแก่ และมีชื่อเสียงมากๆ อีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีความเชื่อกันว่า ใครที่กำลังประสบปัญหาทางธุรกิจ แล้วอยากจะไหว้ขอพรในเรื่องการงานให้ประสบความสำเร็จ เสริมอำนาจบารมี ให้ร่ำรวยเงินทอง ก็ต้องมาไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าพ่อเสือแห่งนี้เลยค่ะ รวมถึงยังเชื่อกันในเรื่องของ การแก้ชง ด้วย โดยใครที่เกิดปีชงของปีนั้นๆ จะต้องมาทำ พิธีปัดตัวสะเดาะเคราะห์ แก้ชง เสริมสิริมงคลนั่นเองค่ะ

    ที่อยู่ : 468 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพฯ (ใกล้เสาชิงช้า)
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-17.00 น.


5. พระพุทธไสยาสน์ วัดโพธิ์

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เรียกสั้นๆ ว่า วัดโพธิ์ เป็นหนึ่งในวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ อีกทั้งยังเป็น วัดประจำรัชกาลในรัชกาลที่ 1 อีกด้วย ที่สำคัญเลยคือมี พระนอนที่ใหญ่ที่สุด โดยมีความยาวกว่า 150 ฟุตนั่นเองค่ะ เชื่อกันว่า หากได้ไปกราบไหว้ที่พระนอนที่วัดโพธิ์ จะทำให้ชีวิตร่มเย็นเป็นสุข รวมถึงยังเชื่อว่า ผู้ที่อายุย่างเข้าเลข 3 นั้น หากไปขอพรเรื่องความรักกับพระนอนวัดโพธิ์จะสมหวังอีกด้วยนะคะ

    ที่อยู่ : เลขที่ 2 ถนนสนามไชย เขตพระนคร กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 08.30-17.30 น.


6. เซียนแปะโรงสี วัดศาลเจ้า

วัดศาลเจ้า เป็นวัดเก่าแก่ของ ปทุมธานี อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองเชียงรากเลยค่ะ โดยประวัติของวัดนั้นยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แต่มีเรื่องเล่าว่าวัดศาลเจ้า สร้างขึ้นเมื่อปลายกรุงศรีอยุธยา แต่สิ่งที่ทำให้วัดนี้มีชื่อเสียงด้านการไหว้ขอพรก็คือ เซียนแปะโรงสี ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของ การค้าขาย และปลดหนี้นั่นเอง สุดท้ายอย่าลืมแวะเดินช้อปปิ้งที่ ตลาดริมวัดศาลเจ้า ด้วยนะคะ มีของอร่อยมากมายให้เราไปชิมกัน

    ที่อยู่ : 2/1 หมู่ 3 ซอยวัดมะขาม ถนนติวานนท์ ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
    เปิดให้เข้าชม : 08.00-16.00 น.


7. พระบรมรูปทรงม้าร.5

สมเด็จพระปิยมหาราช พระบรมรูปทรงม้า หรือ เสด็จพ่อ ร.5 จะตั้งอยู่ที่บริเวณหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยนิยมไปกราบไหว้บูชาอย่างมากค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะนิยมไปไหว้ขอพรในเรื่องของการงานกัน ใครอยากไปไหว้แนะนำว่าให้ไปช่วงวันอังคาร เวลาประมาณสี่ทุ่ม เพราะเป็นฤกษ์ดีที่สุดสำหรับการไหว้นั่นเอง

    ที่อยู่ : หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-22.00 น.


8. วัดโสธรวราราม วรวิหาร

วัดโสธร หรือชื่อเต็มๆ ก็คือ วัดโสธรวรารามวรวิหาร วัดดัง ของ ฉะเชิงเทรา ที่น่าจะสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั่นเอง ภายในวัดจะมี หลวงพ่อโสธร กันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนนิยมมาไหว้ขอพรเรื่อง การค้าขาย สุขภาพ ความสำเร็จในชีวิต เงินทอง และโชคลาภ ซึ่งพอคำขอสำเร็จแล้ว คนจะนิยมมาแก้บนกันด้วยไข่ต้ม หรือ ละครรำกันค่ะ

    ที่ตั้ง : ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ฉะเชิงเทรา
    เปิดเข้าชม : ทุกวัน 07:00 - 16:15 น.


9. วัดป่าแดด

มากันที่ภาคเหนือของเมืองไทยกันบ้าง ที่ เชียงใหม่ นั้น ก็มี วัดดัง ในเรื่องการ ไหว้ของาน อยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ วัดป่าแดด ที่ประดิษฐาน องค์พระพิฆเนศ ชื่อดังนามว่า อุตรศรีคณปติ มีความหมายว่า ผู้ประทานความสำเร็จในทางที่ถูก โดยคนส่วนใหญ่นิยมมาทำพิธีขอพรจากองค์พระพิฆเนศกัน ซึ่งจะมีพราหมณ์ ทำพิธีอารตีไฟและเจิมหน้าผากให้ ใครอยากมาไหว้เสริมดวง ต้องจองของไหว้กันล่วงหน้าด้วยนะคะ

    ที่อยู่ : 70 หมู่ที่ 13 ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น.


10. วัดพระธาตุดอยคำ

วัดพระธาตุดอยคำ เป็นวัดบนยอดเขาเล็กๆ ของ เชียงใหม่ ซึ่งเก่าแก่และสำคัญอย่างมาก มีประวัติมายาวนานกว่า 1,300 ปี ตั้งแต่สมัยหริภุญชัย ที่สำคัญคือเป็นที่ประดิษฐานของ องค์เจดีย์ พระธาตุดอยคำ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง ถือได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่เลย การไหว้ขอพรนั้น จะเน้นเรื่องของ การงาน การเงิน และโชคลาภ และพอสมหวังแล้วจะนิยมถวายมะลิเป็นการแก้บน 

    ที่อยู่ : 108 ถนนเชียงใหม่-หางดง สุเทพ เมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่
    เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.

15
จัดเลี้ยงนอกสถานที่ กับ 10 ธีมปาร์ตี้ อีเว้นท์ ยอดฮิตประจำปี

ทางทีมงานได้จัดไอเดีย ธีมปาร์ตี้ อีเว้นท์ พร๊อพตกแต่ง อุปกรณ์จัดงานอีเว้นท์  พร้อมกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ การจัดงานปาร์ตี้ ปาร์ตี้วันเกิด ปาร์ตี้สละโสด งานสังสรรค์ สัมนาบริษัท งานเลี้ยงเปิดตัวสินค้า งานอีเว้นท์ ทุกรูปแบบ ครบวงจร มาดูกันค่ะ



1.    ธีม Gatsby

Look : โก้หรู หรูหรา

Dress code : black and gold glittering

เหมาะกับ : Company party / Reunion / Birthday party

Music : Jazzy / Songs from musicals

Activity : เดินพรมแดง


2.        ธีม Chinese จีน เฮง เฮง เฮง

Look : จีน / หรูอย่างเป็นทางการ

Dress code : แดง ทอง

เหมาะกับ : Birthday party / อายุ 60+

Music : จีน หรือตามยุคสมัยของเจ้าของงาน

Activity : ร้องคาราโอเกะ / แจกของขวัญ


3.       ธีม อีสาน งานวัด

Look : สบายๆ ง่ายๆ

Dress code : ย้อนยุค ลูกทุ่ง ลายดอก

เหมาะกับ : Company party / Reunion

Music : เพลงเก่า และ เพลงเก่าที่เอามาทำใหม่

Activity : ซุ้มเกมส์ งานวัด


4.      ธีม Stars

Look : หรูหรา สมาร์ท เท่ห์

Dress code : Glittering silver and black

เหมาะกับ : Company party / Reunion / Birthday party / Hen night

Music : Jazzy

Activity : สอยดาวแจกรางวัล


5.      ธีม Princess fairy

Look : หวาน สวย Romantic

Dress code : พาสเทล

เหมาะกับ : งานแต่งงาน / Birthday party

Music : Easy listening

Activity : มีเซอร์ไพรส์ เช่น วงดนตรี Acoustic เล่นสด / ดนตรีคลาสสิคเล่นสด / ขอแต่งงาน / ให้ของขวัญ


6.      ธีม Neon

Look : ฉูดฉาด ชัดเจน

Dress code : Neon colors and backlights

เหมาะกับ : Company party / Reunion / Birthday party / After party

Music : EDM

Activity : เพนท์ตัว


7.      ธีม Under the sea ใต้ทะเลลึก

Look : Sexy fantasy

Dress code : เทอคอย / Sea creature

เหมาะกับ : Company party / Reunion / Birthday party

Music : Reggae on the beach

Activity : ประกวด การแต่งกาย ผู้ชนะได้นั่งบัลลัง หอย


8.      ธีม Army

Look : Sexy เท่ห์

Dress code : Military green and brown

เหมาะกับ : Company party / Reunion / Birthday party / Hen night

Music : Rock & Roll

Activity : เล่นเกมส์ท้าดวนต่างๆ


9.       ธีม 90's

Look : มันส์ ซ่า มะจัง

Dress code : Colorful disco / แต่งตามศิลปินยุค 90’s

เหมาะกับ : Company party / Reunion / Birthday party

Music : ศิลปินยุค 90’s ทั้ง GMM และ RS

Activity : เกมส์แข่งเต้น


10.     ธีม Cowboy

Look : Rough and Country

Dress code : Cowboy Cowgirl

เหมาะกับ : Company party / Reunion

Music : American country songs

Activity : เกมส์ท้าดวนต่างๆ

คงได้ไอเดียกันแล้วนะคะ สำหรับไอเดีย ธีมปาร์ตี้ อีเว้นท์ พร๊อพตกแต่ง อุปกรณ์จัดงานอีเว้นท์  พร้อมกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ การจัดงานปาร์ตี้ ปาร์ตี้วันเกิด ปาร์ตี้สละโสด งานสังสรรค์ สัมนาบริษัท งานเลี้ยงเปิดตัวสินค้า งานอีเว้นท์ ใครสนใจธีมไหน

หน้า: [1] 2 3 ... 22
ลงประกาศฟรี ติด google ลงโฆษณา ขายของ ฟรี โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ขายฟรี ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google